TrueID
TH
รีเซต
ผลการค้นหา “OUR FIRST TIME” - ทรูไอดี
ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
อ่าน
ทรูส่งมอบ iPhone 12 ‘THE FIRST 5G CITIZENS’
วันนี้ทรูขอมอบปรากฎการณ์เหนือชั้น ‘THE FIRST 5G CITIZENS’ อัจฉริยะเหนือชั้น ของการส่งมอบ iPhone 12 ที่ครบที่สุดในประวัติศาสตร์ ดีกว่า ครบกว่า แรงกว่า ในวันที่ 27 พ.ย. 2563 เวลา 00.00.01 น. ผ่านหลากหลายรูปแบบของการส่งมอบเครื่องทั้ง 3 รูปแบบ (1)“THE FIRST EXCLUSIVE TRUERYDE MIDNIGHT 5G DELIVERY” บริการส่งเครื่องให้ถึงบ้านลูกค้า ด้วยบริการ TrueRyde (2)“THE FIRST PREMIERE AT TRUE BRANDING SHOP SIAM SQUARE SOI 2” รับเครื่องได้ทันใจ ที่ True Branding Shop สยามสแควร์ ซอย 2 (3)“THE FIRST ‘DRIVE-TRUE’ 5G AT TRUE DIGITAL PARK” ครั้งแรกของรูปแบบของการส่งมอบมือถือแบบ Social Distancing ของประเทศไทย “World's First 5G Drive TRUE” ที่ True Digital Park มาสัมผัสชีวิตอัจฉริยะที่ครบกว่า แรงกว่ากับ True 5G บน iphone12 ได้แล้ววันนี้เกาะติดข่าวที่นี่website:www.TNNThailand.comfacebook :TNNThailandfacebook live :TNN Livetwitter :@TNNThailandLine :@TNNONLINEYoutube Official :TNNThailandInstagram :@tnn_onlineTIKTOK :@tnnonline
TNN ช่อง16 • 26 พ.ย. 63
อ่าน
เที่ยวเกาะเกร็ดครั้งแรก (First time at Koh Kret)
เที่ยวเกาะเกร็ดครั้งแรก (First time at Koh Kret) เนื่องจากเราได้ไปเจอรีวิวการท่องเที่ยวเกาะเกร็ด เราเห็นแล้วจึงคิดว่าเป็นสถานที่ ๆ น่าไปเที่ยวมากจึงมีความคิดที่อยากจะชวนคุณครูฝรั่งที่สอนภาษาของเรา และเพื่อน ๆ ไปเที่ยวด้วยกัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาค่ะ เราเตรียมตัวไม่เยอะมากกับการหาข้อมูล ซึ่งข้อมูลการเดินทางที่ได้ก็ได้มาจากเพื่อนของเราที่มีบ้านอยู่แถวนนทบุรีนั่นเอง และก็ยังดีที่มีพี่ที่ไปกับเรา เค้าเคยไปเที่ยวเกาะเกร็ดมาแล้ว ดังนั้นเราจึงได้ไกด์ให้ในทริปครั้งนี้ ไปดูกันเลยว่าครั้งแรกที่ได้เที่ยวบนเกาะเกร็ด เราไปไหน และทำอะไรกันบ้าง - เราเริ่มเดินทางไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่ตรงเกาะพหลโยธิน เพื่อไปขึ้นรถเมล์ สาย 166 สีน้ำเงินเป็นรถปรับอากาศ ซึ่งเราใช้เดินทางไปที่โลตัสตลาดปากเกร็ดค่ะ ป้ายรถเมล์จะอยู่บริเวณฟุตบาทเลนที่ติดกับถนนใหญ่นะคะ ค่าโดยสารคนละ 22 บาท - เมื่อไปถึงให้เดินเข้าซอยข้างโลตัส เพื่อไปท่าเรือข้ามฟากไปเกาะเกร็ด ที่อยู่ในวัดค่ะ หากใครไม่อยากเดินสามารถนั่งรถสามล้อถีบ คันละ 20 บาท หรือจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์ คนละ 10 บาท เรากับเพื่อนอีกคน และคุณครูนั่งรถสามล้อถีบค่ะ ส่วนน้อง และพี่นั่งวินมอเตอร์ไซค์เข้าไปค่ะ - ข้ามเรือข้ามฟากไปเกาะเกร็ด 2 บาทต่อเที่ยวค่ะ - เมื่อไปถึงก็เดินไปเที่ยวตามทางเดินเข้าไปจะมีร้านค้าขายอาหาร ขนม น้ำดื่มตลอดทางเลย หรือใครขี้เกียจเดิน แต่อยากเที่ยวรอบเกาะ ที่นั่นก็มีรถจักรยานให้เช่าไม่จำกัดเวลา เริ่มต้นที่ 50 บาท หรือจะเรียกเรือท่องเที่ยวก็ได้ เรือท่องเที่ยวก็จะพาเที่ยววัด บ้านขนมหวานไทย และบ้านผ้าบาติก ราคาก็แล้วแต่จะตกลงกันค่ะ ระยะเวลาที่ใช้ท่องเที่ยวอยู่ที่ 1 ชั่วโมงครึ่ง เราเริ่มจากการเดินค่ะ เดินเที่ยว แวะทานอาหารกลางวัน ขนม และเดินดูของก่อนที่จะกลับมาซื้อก่อนกลับค่ะ เมื่อเดินไปสุดอีกท่าเรือ เราจึงโทรเรียกเรือท่องเที่ยว (เบอร์โทรเรือท่องเที่ยวจะติดตามเสา หรือที่ต่าง ๆ นะคะ) พวกเราตกลงราคากับคนขับเรือได้อยู่ที่ราคา 500 บาทต่อลำ เพื่อหวังว่าจะพาคุณครูฝรั่งไปเที่ยว พวกเรากะว่าจะพาไปแค่ 2 ที่ คือบ้านขนมหวาน และบ้านผ้าบาติก แต่ที่น่าผิดหวังคือคนขับเรือไม่ได้แจ้งเรื่องเวลาให้เราทราบก่อน ทำให้เราเสียเวลาไปนั่งชิวกันอยู่ที่บ้านขนมหวาน จึงไม่มีเวลามาทำผ้าบาติก รู้สึกเสียดายมากๆ คนขับเรือบอกว่าถ้าอยากได้เวลาเพิ่มจะคิดเพิ่มราคา 300 บาทต่อชั่วโมง ส่วนตัวคิดว่าราคาแรงมากค่ะ ภาพอาหารเราถ่ายมาได้แค่นี้เองค่ะ เพราะมัวแต่ถ่าย VDO อยู่ค่ะ เจอ Location สวยๆ ก็ขอแวะถ่ายรูปซักหน่อยค่ะ ใครจะไปคิดว่าที่ท่องเที่ยวแบบนี้จะมี Location แบบนี้อยู่ด้วย ซึ่งพี่ที่มาด้วยกันบอกว่าเค้าสร้างใหม่ค่ะ ร้านอาหารที่เราแวะทานตอนเที่ยงก็คือ ร้านชาหอมทีค่ะ ร้านนี้บรรยากาศดี อาหารอร่อย มีทั้งอาหารคาว หวาน และมีกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านก็คือ กาแฟกะทิสด ค่ะ ราคาอาหารก็แอบแรงนิดหน่อย และโต๊ะในร้านก็ไม่ค่อยเหมาะกับคนที่มาเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ เท่าไหร่ค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นโต๊ะนั่งได้แค่ 2 - 4 คน แต่ถ้าใครชอบถ่ายรูป ก็แนะนำร้านนี้เลยค่ะเพราะตบแต่งร้าน และอาหารได้สวยงาม ที่เกาะเกร็ดดังเรื่องเครื่องปั้นดินเผาด้วยนะคะ ดังนั้นเราจึงแวะเที่ยวชมกันก่อน ที่นี่ถ้าหากใครอยากจะลองปั้นเค้ามีให้ลองที่ workshop ด้วยค่ะ เราแวะทานขนมถ้วยกันที่ร้าน ขนมถ้วยคันทรี่ด้วยค่ะ เรือท่องเที่ยวที่เราจ้างพาเที่ยวค่ะ บ้านขนมหวานไทย และบ้านผ้าบาติก - เมื่อกลับมาถึงที่เกาะก็เดินกลับมาซื้อของที่อยากได้ แวะนั่งดื่มน้ำ และให้คุณครูได้พักทานบิงซู เพื่อรอเพื่อนของคุณครูมาหา และคุยกันก่อนกลับ (เราลืมถ่ายรูปในจุดนี้ไว้ค่ะ :) ) - ขากลับเราข้ามเรือกลับมา และเดินออกมาที่ถนนใหญ่ ข้ามไปอีกฝั่งที่เป็นร้านทอง ตรงนั้นจะเป็นป้ายรถเมล์ และมีรถตู้ขับไปอนุสาวรีย์ ขากลับเราเลือกนั่งรถตู้กลับค่ะ เพราะเป็นต้นสายคนจึงน้อย นั่งกลับได้พอดีกับจำนวนคนของเรา ค่าโดยสารอยู่ที่คนละ 30 บาทค่ะ ขอสรุปการเที่ยวทริปนี้ สิ่งที่ประทับใจที่นี่มาก ๆ ก็คือ อาหารถูก มีอาหารไทย หรือขนมที่เรายังไม่เคยได้ทานด้วย และทุกอย่างก็น่ากินไปหมดเลยค่ะ วิวรอบ ๆ เกาะก็สวยค่ะ ยังอยากมีเวลาได้หามุมถ่ายรูปสวย ๆ อยู่เหมือนกัน คิดว่าครั้งหน้าจะมาเที่ยวอีกแน่นอนค่ะ ภาพประกอบโดย MANYTLE's story ติดตามได้ที่ช่องทาง Facebook : MANYTLE's story
MANYTLE's story • 23 ก.พ. 63
อ่าน
ยินดีกับลูกค้ากลุ่มแรกที่จองและได้รับสิทธิ์ ‘THE FIRST 5G CITIZENS’
ยินดีกับลูกค้ากลุ่มแรกที่จองและได้รับสิทธิ์ วันนี้ทรูขอมอบปรากฎการณ์เหนือชั้น THE FIRST 5G CITIZENSอัจฉริยะเหนือชั้น ของการส่งมอบ iPhone 12 ที่ครบที่สุดในประวัติศาสตร์ ดีกว่า ครบกว่า แรงกว่า ในวันที่ 27 พ.ย. 2563 เวลา 00.00.01 น. ผ่านหลากหลายรูปแบบของการส่งมอบเครื่องทั้ง 3 รูปแบบ (1)THE FIRST EXCLUSIVE TRUERYDE MIDNIGHT 5G DELIVERY บริการส่งเครื่องให้ถึงบ้านลูกค้า ด้วยบริการ TrueRyde (2)THE FIRST PREMIERE AT TRUE BRANDING SHOP SIAM SQUARE SOI 2 รับเครื่องได้ทันใจ ที่ True Branding Shop สยามสแควร์ ซอย 2 (3)THE FIRST DRIVE-TRUE 5G AT TRUE DIGITAL PARK ครั้งแรกของรูปแบบของการส่งมอบมือถือแบบ Social Distancing ของประเทศไทย World's First 5G Drive TRUE ที่ True Digital Park มาสัมผัสชีวิตอัจฉริยะที่ครบกว่า แรงกว่ากับ True 5G บน iphone12 ได้แล้ววันนี้ #BESTwithTRUE5G#True5Gครบกว่าแรงกว่า#ComeTRUEwithTRUE5G
TrueID • 26 พ.ย. 63
อ่าน
TRUE 5G จัดเต็ม สร้างปรากฏการณ์เหนือชั้น ‘THE FIRST 5G CITIZENS’ กับการส่งมอบ iPhone 12
The First Exclusive TrueRyde Midnight 5G Delivery The First Premiere at True Branding Shop Siam Square Soi 2 The First DRIVE-TRUE 5G at True Digital Park ปรากฎการณ์ The First 5G Citizens อัจฉริยะเหนือชั้นของการส่งมอบ iPhone 12 ที่ครบสุดในประวัติศาสตร์ ดีกว่า ครบกว่า แรงกว่า จาก TRUE 5G - ทรูตอกย้ำผู้นำด้านดิจิทัลไลฟ์สไตล์ สร้างประสบการณ์เหนือชั้นให้คนไทยกลุ่มแรกได้เป็นเจ้าของ iPhone 12 บนเครือข่ายอัจฉริยะที่ดีกว่า ครบกว่า แรงกว่า - 00.01 น. คืนวันที่ 27 พ.ย. ทรูสร้างปรากฎการณ์ให้ลูกค้าคนพิเศษรับ iPhone 12 ผ่าน 3 ช่องทาง TrueRyde, True Branding Shop Siam Square Soi 2 และครั้งแรกในไทยกับ THE FIRST DRIVE-TRUE 5G at True Digital Park บริการแบบ Drive Thru ขานรับชีวิตวิถีใหม่แบบ Social distancing THE FIRST DRIVE-TRUE 5G at True Digital Park ครั้งแรกของไทยกับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ รับ iPhone 12 ผ่าน Drive Thru ที่ True Digital Park ล่าสุด ทรูเปิดตัวช่องทางพิเศษบริการแบบ Drive Thru ครั้งแรกของเมืองไทยกับประสบการณ์การส่งมอบ iPhone 12 แบบ Social Distancing ขานรับชีวิตวิถีใหม่ ที่ True Digital Park โดยลูกค้าที่ได้รับเครื่องเวลา 00.01 ของคืนวันที่ 27 พ.ย. ได้ทำการสั่งซื้อและชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ก็สามารถขับรถเข้ามารับเครื่องได้ทันที THE FIRST EXCLUSIVE TrueRyde Midnight 5G Delivery ไม่ว่างไม่เป็นไร TrueRyde ส่ง iPhone 12 ให้ถึงหน้าบ้าน 00.00.01 คืนวันที่ 27 พ.ย. ไรเดอร์ม้าไวของ ทรูไรด์ TrueRyde พร้อมปรากกฎกายส่งเครื่อง iPhone 12 ให้ถึงบ้านเพื่อให้ลูกค้าทรูได้เป็นคนไทยกลุ่มแรกที่รับเครื่องถึงหน้าบ้าน เรียกว่าเป็นบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนที่ชอบอยู่ติดบ้าน หรือต่อให้ไม่ว่างก็ยังได้สิทธิ์รับประสบการณ์อัจฉริยะเช่นกัน THE FIRST PREMIERE at True Branding Shop Siam Square Soi 2รับ iPhone 12 เป็นกลุ่มแรกและยังได้เลือกแพ็คเกจที่ดีที่สุดก่อนใครที่ True Branding Shop ทรูเปิดอีกหนึ่งช่องทางเพื่อให้ลูกค้ากลุ่มแรกที่ได้มาสัมผัสประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการรับ iPhone 12 แบบ VIP และยังได้เลือกแพ็คเกจที่ดีที่สุด ซีเล็กซ์ข้อเสนอเด็ดๆ ด้วยตัวเอง เปิดให้ Walk in เข้ารับบริการกันตั้งแต่ 4 ทุ่ม งานนี้ปิ่น-เก็จมณี ควงน้องเจ้านาย มาร่วมเป็นหนึ่งในลูกค้าที่สร้างประสบการณ์ใหม่กับ True 5G สัมผัสประสบการณ์อัจฉริยะบนเครือข่ายทรู 5G ที่ดีกว่า ครบกว่า แรงกว่า ด้วยคลื่นครบสุด 7 ย่านความถี่มากที่สุดในไทย ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมใช้งานได้จริงแล้ววันนี้บนคลื่น 2600 MHz. เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุดของ iPhone 12 ก่อนใครในเวลา 00.01 วันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 มาพร้อมข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าทรูมูฟ เอช ทรูมูฟ เอช จำหน่าย iPhone 12 ใหม่ทุกรุ่น ได้แก่ iPhone 12 Pro, iPhone 12 Pro Max, iPhone 12 และ iPhone 12 mini ซึ่งมาพร้อมระบบกล้องแบบใหม่ที่เหนือชั้น, ตัวเครื่องด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ใหม่, จอภาพ Super Retina XDR แบบขอบจรดขอบเพื่อประสบการณ์การรับชมที่เต็มอิ่มและชิพ A14 Bionic ที่ออกแบบโดย Apple ซึ่งเป็นชิพสำหรับสมาร์ทโฟนที่เร็วที่สุดโดยทั้งหมดนี้มาในดีไซน์ใหม่ที่สวยงามรองรับประสบการณ์ 5G สุดล้ำบนเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับกับความเร็วสูงสุด คุ้มกว่ากับข้อเสนอที่ดีที่สุดจากทรูมูฟ เอช พร้อมด้วยบริการและสิทธิพิเศษที่มากกว่าทั้งทรูไอดี ทรูการ์ด และทรูพอยท์ ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าทรูมูฟ เอช: ลูกค้าแบบรายเดือน รับส่วนลดค่าเครื่อง iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max สูงสุด 18,400 บาท เริ่มเพียง 2,262 บาท/เดือน เมื่อสมัครแพ็กเกจรายเดือน ตามที่กำหนด สำหรับแพ็กเกจพิเศษ 5G Super Max Speed for iPhone มอบสิทธิให้กับลูกค้าที่ซื้อ iPhone 12 กับทรูมูฟ เอช เท่านั้น ได้แก่: ดูฟรี ทรูพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020/21 ผ่านแอป TrueID เมื่อสมัครแพ็กเกจ 1,399 บาทขึ้นไป รับฟรี บริการ True Protech: เปลี่ยนมือถือทันใจ มีเครื่องใช้ทันที จำนวน 6 เดือน เมื่อสมัคร True Protech 6 เดือนแรก รับฟรี 6 เดือนถัดไป รับสิทธิประโยชน์พิเศษจาก Apple Service ฟรีค่าบริการรายเดือน Apple Watch มูลค่า 199 บาท นาน 12 เดือน เมื่อสมัครแพ็กเกจ 1,199 บาทขึ้นไป และ iCloud 50GB นาน 3 เดือน Easy Swap เก่าแลกใหม่ รับซื้อเครื่องเก่ามูลค่าสูงสุด 25,000 บาท รับสิทธิ์แลกซื้ออุปกรณ์เสริม ลดสูงสุด 60% วันนี้ จนถึง 31 ธ.ค. 2563 ลูกค้าที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของ iPhone 12 Pro, iPhone 12 Pro Max, iPhone 12 และ iPhone 12 mini ได้แล้ววันนี้ ที่ทรูช้อปทุกสาขาทั่วไทย ดูข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ www.truemoveh.com/iPhone12
TrueID • 27 พ.ย. 63
อ่าน
First Time in India
อินเดีย...ประเทศที่ไม่เคยอยู่ในลิสต์ ไม่เคยอยู่ในหัวเลย เพราะภาพที่คิดไว้ของอินเดีย คือ ไปแล้วต้องลำบากแน่นอน แต่หลังจากอ่านรีวิวของบล็อกเกอร์สายเที่ยวทั้งหลาย ก็เลยรู้สึกว่า อินเดียต้องมีอะไรดี ๆ แน่นอน และเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ควรต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองซักครั้งหนึ่ง หลังจากวางแผนเก็บข้อมูลเป็นปี เราตัดสินใจไปเที่ยวทั้งหมด 3 เมือง คือ เมืองจัยปูร์ เมืองจ๊อดปูร์ และเมืองอัครา โดยใช้เวลาทั้งหมด 8 วัน ด้วยกันเช่ารถยนต์พร้อมคนขับส่วนตัว เพราะค่อนข้างสะดวกสบายมากกว่า และปลอดภัยมากกว่าเดินทางเอง เพราะถนนหนทางค่อนข้างขับยากพอสมควร สำหรับอากาศเราไปช่วงเดือนกุมภาพันธ์ อากาศเย็นสบายถึงค่อนข้างหนาว โดยตอนเช้าและกลางคืน อุณหภูมิจะเป็นเลขตัวเดียว แต่ช่วงสายถึงเย็นอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 20 - 25 องศา และแดดค่อนข้างแรงพอสมควร ฉะนั้น เตรียมหมวกกับแว่นตากันแดดให้พร้อมเลย เริ่มต้นเมืองแรกกันที่นครสีชมพู ( Pink city) หรือเมืองชัยปุระ หรือจัยปูร์ หรือจัยเปอร์ มีหลายชื่อให้เรียกเลย แต่เราขอเรียกว่าเมืองจัยปูร์ตามคนขับรถของเราแล้วกัน สำหรับเมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งพอสมควร ซึ่งจุดเช็คอินสำคัญ ๆ ที่นักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปทั้งหลายต้องแวะมาเก็บภาพ คงหนีไม่พ้นพระราชวังสายลม ( Hawa Mahal) ที่ตัวอาคารสร้างด้วยหินทรายมีสีออกแดงส้ม ตั้งตระหง่านอยู่ริมถนน เราสามารถขึ้นไปนั่งที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามเพื่อถ่ายรูปได้ เดินจากพระราชวังสายลมมาไม่ไกลก็จะเจอกับ City Palace of Jaipur พระราชวังที่ด้านในมีความสวยงามมาก ซึ่งจุดไฮไลท์ของที่นี่คือห้องสีฟ้า และซุ้มประตูสี่บาน สี่ฤดู หลังจากเดินเที่ยวจนทั่วพระราชวังแล้ว เราก็ให้คนขับพาไปอีกที่หนึ่งก่อนกลับโรงแรม เป็นประตูสีชมพูสวยงาม เรียกว่า Patrika Gate เป็นจุดไฮไลท์อีกแห่งที่ต้องไปเก็บภาพ ถ้าระหว่างถ่ายรูปแล้วรู้สึกว่ามีคนจับจ้องอยู่ หรือมีคนเดินมาขอถ่ายรูปก็ไม่ต้องตกใจกัน เพราะเป็นเรื่องปกติของคนที่นี่ เค้าชอบถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะคนเอเชียอย่างเรา สำหรับที่เที่ยวเมืองจัยปูร์ค่อนข้างมีหลายที่มาก ถ้าอยากเที่ยวให้ครบก็ต้องนอนที่เมืองนี้หลายคืน แต่เนื่องจากเรามีเวลาที่เมืองนี้เพียงสองวัน ก็เลยเลือกเที่ยวเฉพาะที่สำคัญ และเรายังมีอีกสองพระราชวังสำคัญที่ต้องไปเยี่ยมชม นั่นคือ Amber Fort และ Jal Mahal แอมเบอร์ฟอร์ท ( Amber Fort ) เป็นป้อมปราการ ที่อยู่ห่างจากเมืองจัยปูร์มาประมาณ 10 กิโลเมตร มีความยิ่งใหญ่และสวยงามมาก ภายในป้อมมีพระราชวังแอมเบอร์ และมีตำหนักต่าง ๆ ซึ่งการเดินทางเข้าไปยังป้อมนั้น สามารถนั่งรถจีปหรือขึ้นช้างก็ได้ แต่ถ้าอยากเก็บภาพไปเรื่อย ๆ สามารถเดินขึ้นไปได้เช่นกัน ก่อนเดินทางไปอีกหนึ่งป้อมปราการที่วิวพระอาทิตย์ตกสวยที่สุด เราแวะไปที่พระราชวังกลางน้ำ หรือ Jal Mahal กันก่อนเพื่อเก็บภาพ เราเดินทางมาถึง Nahargarh Fort ก่อนอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้ายามเย็นที่นี่สวยจริง ๆ แม้แต่คนอินเดียเองก็ยังมานั่งรอชมพระอาทิตย์ตกดินกัน การเดินทางข้ามเมืองได้เริ่มขึ้นในวันที่สามของการมาอินเดีย เรานั่งรถไปเมืองจ๊อดปูร์ (Jodhpur) เมืองสีฟ้า หรือ Blue City เพราะที่นี่มีย่านเก่าแก่ที่บ้านเรือนเป็นสีฟ้าทั้งหมด ซึ่งเราสามารถมองเห็นเมืองสีฟ้าได้จากมุมสูงอย่างบนป้อมปราการ อย่าง Mehrangarh Fort เราใช้เวลาเดินทางมาถึงเมืองจ๊อดปูร์ ประมาณ 7 - 8 ชั่วโมง นั่งฟังเสียงแตรรถยนต์มาตลอดทาง การมาอินเดียสิ่งที่ต้องทำใจให้ได้คือเสียงแตร เพราะเราจะได้ยินตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่แน่นอน สำหรับที่เที่ยวหลักของเมืองนี้ คงไม่พ้นการเดินเล่นย่าน Old Town และป้อมปราการที่สวยอีกแห่งหนึ่งอย่าง Mehrangarh Fort ก่อนจะเดินทางต่อไปยังเมืองอัครา เพื่อไปดูหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างทัชมาฮาล เราแวะไปที่ Toorji ka jhalra Step well บ่อน้ำเก่าแก่ที่พบเห็นได้ที่อินเดีย สำหรับเมืองนี้ถ้ามาพักค้างคืนแถวย่านเมืองเก่า รถยนต์คันใหญ่จะไม่สามารถเข้ามาได้ เพราะตรอกซอกซอยค่อนข้างแคบ เราจึงต้องอาศัยนั่งรถตุ๊กตุ๊กในการเที่ยวถ่ายภาพตามตรอกซอยต่าง ๆ มาต่อกันที่เมืองสุดท้าย เมืองอัครา ( Agra) destination หลักของการเดินทางครั้งนี้ คือการได้มาเห็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักที่เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก การได้มาเห็นด้วยตาตัวเองครั้งนี้ ประทับใจกับความยิ่งใหญ่อลังการของทัชมาฮาล ยิ่งเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ของผู้สร้าง การมาเที่ยวที่นี่ต้องมาแต่เช้ามืด เพราะมาสายคนก็ยิ่งเยอะ และมีความเบียดเสียดกันพอสมควร วันที่เราไปอากาศค่อนข้างขมุกขมัว ท้องฟ้าไม่โปร่งใส เพราะแดดเริ่มออกประมาณเกือบ 11 นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาที่ต้องเดินทางกลับแล้ว สำหรับการเดินทางครั้งนี้คุ้มค่ามากจริง ๆ การได้ออกจาก comfort zone ทำให้เรารู้ว่าโลกนี้ยังมรสถานที่สวย ๆ ให้เราได้เห็นได้สัมผัสอีกมากมาย การมาอินเดียครั้งแรกมันไม่ได้แย่อย่างที่คิด อาหารก็ทานได้ไม่ลำบาก ที่พักสะอาดค่อนข้างดีเลยทีเดียว ต้องลองมาเองซักครั้งแล้วจะติดใจเหมือนที่เราอยากไปอีกเป็นครั้งที่สองถ้ามีโอกาส เล่าเรื่องและถ่ายภาพโดยผู้เขียนทั้งหมด
Something to tell • 6 มิ.ย. 63
อ่าน
First time in Krabi
First time in Krabi หลายๆคนที่มีเเพลนว่าอยากจะไปเที่ยวทะเลเเต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี เราอยากให้บทความนี้ได้เป็น1ในตัวเลือกของคุณที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ถ้าจะให้พูดถึงทะเลที่ประทับใจ ก็คงหนีไม่พ้น”ทะเลกระบี่” จุดเริ่มต้นของทริปนี้เริ่มจากการคุยเล่นๆกับเพื่อนว่าอยากไปเที่ยวจัง ปิดเทอมมันว่างไปหาinspired จากการเที่ยวดีกว่า เนื่องจากช่วงเปิดเทอมเราค่อนข้างเรียนหนัก เรามาเรียนที่เพชรบุรีไปไกลสุดก็คือหัวหิน ซึ่งเเน่นอนว่าเรากับเพื่อนเป็นสายเที่ยว จึงทำให้การพูดเล่นๆไม่มีจริง เมื่อเราเสนอเเล้วเพื่อนก็เห็นดีเห็นงาม ทริปตะลุยภาคใต้ครั้งเเรกของเราจึงเริ่มขึ้น ต้องขอบอกก่อนว่าทริปนี้เราจองทริปไปกับทัวร์ชื่อว่า โมนาเจอร์นี่ เป็นบริษัททัวร์ที่ดีมากกก ราคาประหยัด ค่าที่พักเเละค่าทัวร์รวมอยู่ในนั้นเรียบร้อยเเล้ว (เขาไม่ได้จ่ายนะ ฮ่าๆ) วันเเรกเราเดินทางจากสนามบินดอนเมืองเพื่อไปลงที่ท่าอากาศยานกระบี่ หลังจากนั้นก็นั่งรถไปที่พักที่ชื่อว่า “beyond resort krabi” รีสอร์ตนี้จะมีล็อบบี้อยู่ชั้น5 ซึ่งวิวที่มองลงมาจะเห็นเป็นภาพทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ประทับใจตั้งเเต่เริ่มเข้ามาเลย วันเเรกไม่มีอะไรมาก เราไปถึงก็พักผ่อน เดินถ่ายรูปริมทะเล ที่สำคัญที่เราชอบรีสอร์ตนี้มากเพราะทะเลมันค่อนข้าง private ลืมภาพเวลาถ่ายรูปที่ทะเลจะติดคนอื่นๆเข้ามาในกล้องด้วยไปเลย เพราะรอบๆของทะเลจะมีเเต่รีสอร์ตเรากับรีสอร์ตข้างๆ จึงทำให้มีเเต่นักท่องเที่ยวที่พักในรีสอร์ตเเถวนี้เท่านั้นที่จะมาเดินเล่น นอนอาบเเดดกัน เราหนีความวุ่นวายเพื่อมาหาความสงบที่เเท้จริง วันที่2 วันนี้เป็นวันของการทำกิจกรรม เริ่มต้นจากตื่น6โมงเช้า กินข้าวเช้าที่รีสอร์ต ถ่ายรูปเล่นรอเวลา 8โมงเช้าจะมีรถมารับไปเกาะ ลิสท์ของวันนี้เริ่มต้นจากการนั่งเรือเพื่อไปเดินเล่นที่หาดไร่เลย์ หาดนี้ถือว่าเป็นหาดในฝันของใครหลายๆคนเลยก็ว่าได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเราเอง หลังจากนั้นก็เดินทางไปเก็บภาพบรรยากาศของเกาะต่างๆทั้ง4เกาะ ได้เเก่เกาะปอดะ เกาะทับ(ทะเลเเหวก) เกาะไก่ เเละเกาะห้องเป็นเกาะสุดท้าย ซึ่งเราได้มาดำน้ำที่เกาะห้อง ก่อนที่จะได้ลงไปดำน้ำกัน ทางไกด์ที่คอยดูเเลทริปทัวร์เกาะวันนี้ก็ให้คำเเนะนำเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ดำน้ำให้เหล่านักท่องเที่ยวก่อนที่ได้ไปสำรวจโลกใต้น้ำกัน ภายใต้เเดดที่ร้อนเเรงเเต่ไม่เเรงเท่าใจเราที่เต้นตุ้บตั้บ เราตื่นเต้นมากที่จะได้ลงไปดำน้ำทะเลใต้ครั้งเเรก ความฝันที่เคยมีตั้งเเต่เด็กๆ ภาพความทรงจำเกี่ยวกับจังหวัดนี้ เกาะต่างๆที่เคยเห็นในรูป วันนี้เราได้มาสัมผัสเเละยืนอยู่ในจุดจุดนั้นเเล้ว ความรู้สึกที่ลงทะเลครั้งเเรกเราสัมผัสได้ถึงความเย็นของน้ำทะเลมันช่วยดับความร้อนของเราทั้งหมดออกไป ความตื่นเต้นยังไม่หายไปเพราะระหว่างดำน้ำพี่ไกด์ก็จะคอยเเนะนำให้ดูปลาเเละปะการังต่างๆภายใต้ท้องทะเล ความทรงจำในตอนนั้นเราไม่รู้ว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดยังไง เรารู้เเค่ว่ามันควรค่าเเก่การมาสักครั้งหนึ่งในชีวิต หลังจากดำน้ำเสร็จก็ถือเป็นอันจบทริปของวันนี้ เรานั่งเรือสปีดโบ๊ทกลับจากเกาะเเละเดินทางกลับรีสอร์ต ถึงรีสอร์ตประมาณบ่าย3ครึ่ง เรากับเพื่อนเหนื่อยมากเลยกลับมานอนพักผ่อน นอนได้ประมาณชั่วโมงกว่าๆเราก็ตื่นออกมาถ่ายรูปเเละเล่นน้ำที่สระของรีสอร์ตด้วย ว่ายน้ำจนเหนื่อยก็กลับห้องมาอาบน้ำเพื่อไปกินข้าว วันนี้เรากินข้าวที่ร้านอาหารในรีสอร์ต ชื่อว่า Beach Bar and restaurant เป็นร้านอาหารเเละบาร์มีเครื่องดื่มต่างๆบริการนักท่องเที่ยว วันที่เราไปกินเป็นคืนวันเสาร์ร้านจะมีดนตรีสดมาเล่นทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ทำให้การกินข้าวภายใต้เเสงเทียนเเละเสียงคลื่นครบรสมากๆ ราคาเมนูเมนอาหารก็ค่อนข้างสูงตามสไตล์ร้านอาหารรีสอร์ต เราสั่งสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า ตัวซอสเข้มข้นมันๆ เข้ากันกับเบคอนที่มีรสชาติเค็มทำให้จานนี้ค่อนข้างPerfectสำหรับเราเลย เเต่กินเยอะๆก็เเอบเลี่ยนเลยต้องสั่งเมนูยำวุ้นทะเลมาตัดเลี่ยนซะหน่อย ยำวุ้นเส้นของทางร้านเน้นรสจัด เผ็ดเปรี้ยว ครบรส วัตถุดิบทะเลก็ให้มาคุ้ม เราให้คะเเนนความชอบกับจานนี้เต็มสิบไปเลย ส่วนเพื่อนเราสั่งสเต็กหมู รสชาติโอเคทุกอย่าง โดยรวมประทับใจกับรสชาติอาหารเเละยิ่งไปกว่านั้นพนักงานบริการดีระดับล้าน ปิดฉากวันนี้ด้วยอาหารที่อร่อย เพลงที่เพราะ เเค่นี้เราก็Happy เเล้ว :) วันสุดท้าย เป็นวันที่ไม่อยากให้ถึงเลย เราตื่นมากินข้าวเช้า เล่นน้ำที่สระว่ายน้ำของรีสอร์ต ถ่ายรูปเล่นกันจนถึงเที่ยงจึงcheck-outออกจากรีสอร์ต เดินทางไปที่สนามบินเเละกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ เป็น3วันที่ผ่านไปไวที่สุด เวลามีความสุขมักจะผ่านไปไวเสมอ “คิดถึงนะทะเลกระบี่ ไว้พบกันใหม่” ถ้าเราไม่ลองออกไปดู เราก็คงไม่รู้ถึงความสวยงามของธรรมชาติ การออกไปเที่ยวมันเหมือนการได้ออกไปรู้จักตัวเองเเละคนข้างๆ นี่เป็นบทความเเรกที่เราลองเขียน หวังว่าเพื่อนๆจะได้แรงบันดาลใจในการออกไปเที่ยวจากบทความเรานะ :) ภาพถ่ายโดยผู้ดขียนและ สามารถติดตามรูปภาพที่ถ่ายไว้เพิ่มเติมได้ที่ไอจี Pepermintchill นะคะ
Pepermintchill • 3 ก.พ. 63
อ่าน
“ทรัมป์” ไม่แคร์ “WTO” เขียนนิยามใหม่ “World Tariff’s Our” l What's up Wealth
WTO ในความหมายที่ทุกคนเข้าใจ กำลังจะเปลี่ยนไป หรืออาจจะไม่ได้หมายถึง WTO ที่ทุกคนรู้จัก หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศมาตรการ “ภาษีสหรัฐฯ” ที่ยังคงสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีวี่แววว่าจะทุเลาเบาบาง หรือหาทางออกร่วมกันได้ของหลากหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจนทำให้ WTO ที่เราเคยรู้จัก เปลี่ยนไปสู่ “World Tariff’s Our” ”WTO” หรือ World Trade Organization หรือที่เรารู้จักกันในนาม “องค์การการค้าโลก” ซึ่งเป็นองค์การระหว่างประเทศ ที่มีพัฒนาการมาจากการทำความตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า หรือ General Agreement on Tariffs and Trade แกตต์ เมื่อปี พ.ศ. 2490และแน่นอนว่า “สหรัฐอเมริกา” ก็เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อ 30 ปีที่แล้ว แน่นอนครับว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” ในวันนั้นก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการตัดสินใจนี้ของสหรัฐอเมริกา หรือเค้าอาจจะมีความคิดไม่เห็นด้วยตั้งแต่เมื่อ 30 ปีที่แล้วก็เป็นได้ ทุกอย่างก็เป็นไปตามทาง ตามภารกิจที่องค์การการค้าโลกได้มีการวางกรอบการทำงานไว้ร่วมกัน...จนกระทั่ง การประกาศมาตรการ “ภาษีศุลกากรตอบโต้” ของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ทำให้การมีอยู่ของ “องค์การการค้าโลก” ไม่ได้มีความหมายใด ๆ อีกต่อไปทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อเรามาเปรียบเทียบบทบาทหน้าที่ขององค์การการค้าโลก ซึ่งก็มีสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งเจตนารมย์ กับการประกาศศักดาทางด้านการค้าของโดนัลด์ ทรัมป์ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า WTO เดียวที่ทรัมป์รู้จักคือ “World Tariff’s Our”
TNN ช่อง16 • 20 เม.ย. 68
อ่าน
พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ (No Time to Die)
เรื่องย่อ พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ (No Time to Die) ชื่อเรื่อง พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ (No Time to Die)ประเภท แอคชั่น / ผจญภัยผู้กำกับ แครี่ โจจี้ ฟุคุนะงะนำแสดงโดย แดเนียล เคร็ก, รามี แมลิก, เลอา แซดู, ลาชานา ลินช์, เบน วิชอว์กำหนดฉาย 7 ตุลาคม 2021 🔴 อ่านเรื่องย่อและรายละเอียดเกี่ยวกับหนัง No Time to Die ได้ที่นี่ 🔴
เรื่องย่อหนัง • 12 ก.ย. 64
อ่าน
First time in Japan : เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก
วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ที่เราได้จากการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อปี 2015 ซึ่งเป็นปีแรก ๆ ที่ประเทศญี่ปุ่นเปิดฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยใหม่ ๆ เผื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นของเพื่อน ๆ ค่ะ ข้อแรกคือเป้าหมายหลัก ต้องถามตัวเองก่อนว่าเราต้องการไปดูอะไรที่ประเทศญี่ปุ่น ตั้งเป้าหมายหลักไว้เลยค่ะ เช่นไปดูฟูจิซัง, ไปเยี่ยมชมหมู่บ้านชิราคาวาโกะ, ไปเล่นสกี เป็นต้นค่ะ เมื่อเราได้เป้าหมายหลักแล้วเราจะได้รู้ว่าเราควรไปลงที่สนามบินไหน ที่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่เราจะไปมากที่สุด ข้อสองคือ การจัดที่เที่ยวควรเที่ยวเป็นโซน เราวางแผนให้ชัดเจนว่าเราต้องการไปเมืองบ้าง เลือกแค่ไม่กี่เมืองที่ใกล้กัน ในภูมิภาคเดียวกัน และที่สำคัญไม่ควรข้ามเกาะค่ะ ญี่ปุ่นมีเกาะหลักอยู่ 4 เกาะ คือ เกาะฮอกไกโด (Hokkaido) ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น เมืองที่เป็นที่รู้จักบนเกาะนี้เช่น ซัปโปโร่, ฟูราโน่, นิเซโกะ เป็นต้นค่ะ เกาะฮอนชู (Honshu) เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เป็นที่ตั้งของเมืองสำคัญต่างๆ รวมถึงเมืองหลวงอย่างโตเกียว, โยโกฮาม่า, ฮิเมจิ, นารา, เกียวโต, นาโกน่า, ยามานาชิ เป็นต้นค่ะ เกาะชิโกกุ (Shikoku) เป็นเกาะที่มีขนาดเล็กที่สุดในสี่เกาะหลัก มีแค่สี่เมืองบนเกาะนี้คือ โทกูชิมะ, คางาวะ, เอฮิเมะ และโคจิ เกาะคิวชู (Kyushu) อยู่ทางใต้สุดของประเทศ เมืองสำคัญบนเกาะนี้เช่น ฟูกุโอกะ, คาโงชิมะ, โออิตะ, นางาซากิ เป็นต้นค่ะ การเดินทางไปข้ามเกาะหรือภูมิภาค แม้ว่าในปัจจุบันจะสะดวกด้วยรถไฟหัวกระสุนซึ่งมีความเร็วสูง แต่ก็ใช้เวลานานในการเดินทาง ทำให้เราต้องเสียเวลาไปกับการเดินทางในแต่ละวันและเหนื่อยด้วยค่ะ ข้อสามคือ ช่วงเวลาเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งที่เราจะไป ควรไปในช่วงเวลาไหน เช่นหากเราต้องการไปชมซากุระ ควรไปในช่วงปลายเดือนมีนาคม ถึงกลางเดือนเมษายน และเราสามารถดูตารางพยากรณ์ซากุระล่วงหน้าได้หนึ่งหรือสองเดือน และเรายังสามารถ ติดตามซากุระบานแบบ real time ได้บนเว็ปไซด์ https://www.japan-guide.com ซึ่งจะมีอัพเดทเกือบทุกวัน ตามจุดชมซากุระที่สำคัญ ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น หรือจะติดตามในหน้าเฟสบุ้คในเพจพวก japanfanclub ก็มีสมาชิกมาอัพเดทบ่อย ๆ ค่ะ ข้อที่สี่คือการเดินทาง เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการเดินทางระหว่างซื้อตั๋วเป็นเที่ยวและการซื้อพาส โดยเว็ปไซด์ที่ช่วยในการวางแผนการเดินทางได้ดีที่สุดคือเว็ป www.hyperdia.com ซึ่งคำนวณค่าตั๋วในแต่ละเส้นทาง และมีตัวเลือกเส้นทางให้เราเลือกได้ด้วยค่ะ ส่วนราคาพาสต่าง ๆ เราก็สามารถเช็คได้จากเว็ปทางการ https://japanrailpass.net/th/ ว่าเราควรซื้อพาสแบบครอบคลุมทั้งประเทศหรือแบบภูมิภาคก็พอ สำหรับทริปแรกเนื่องจากเราต้องเดินทางไปหลายเมือง เราจึงเลือกใช้ JR All Area แบบ 7 วัน ซึ่งราคาในปัจจุบันก็อยู่ที่ 38,880 เยน แต่ถ้าเป็นแบบภูมิภาคก็จะถูกกว่านี้ค่ะ เช่น Kansai Wide Area 5 วัน ราคาก็แค่ 9,200 เยนเท่านั้น และหากเราเที่ยวแค่ในเมืองใดเมืองหนึ่งเราไม่จำเป็นต้องใช้พาสก็ได้แต่ใช้เป็นตั๋ววันของแต่ละเมืองแทน ดังนั้นแล้วเราควรเที่ยวเป็นโซน ๆ เป็นภูมิภาคไปจะประหยัดกว่าค่ะ ข้อที่ห้าคือ การเลือกที่พัก หากเราใช้รถสาธารณะเราควรจะเลือกที่เดินทางสะดวก โดยเฉพาะใกล้สถานีรถไฟ แบบไม่ต้องเดินลากกระเป๋าไกล ๆ และเลือกตามงบประมาณที่เรามี และอ่านรีวิวประกอบจากเว็ปต่าง ๆ เช่น Tripadvisor เพื่อประกอบการตัดสินใจค่ะ ข้อที่หกคือ อาหารการกิน ที่ญี่ปุ่นมีอาหารให้เลือกมาก และราคาไม่แพง ถ้าเราต้องการประหยัดเราสามารถซื้ออาหารที่ปรุงสำเร็จในร้านสะดวกซื้อที่มีให้เลือกหลายแบรนด์ทั้งเซเว่น, แฟมิลี่ มาร์ท หรือ ลอร์สัน ซึ่งเราชอบเป็นพิเศษคือขนมในลอร์สัน หน้าตาหน้าทานและราคาไม่แพงด้วย ในร้านสะดวกซื้อนี้ยังมีที่นั่งสำหรับรับประทานอาหาร และมีห้องน้ำไว้บริการด้วย ซึ่งถือว่าสะดวกมาก หลังจากทริปแรกที่เราเที่ยวข้ามเกาะเพราะมีโจทย์จากเพื่อนร่วมทริปที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ หลังจากที่เราจองตั๋วเครื่องบินไปเรียบร้อยแล้ว เราก็ไม่เคยเที่ยวข้ามเกาะหรือข้ามภูมิภาคของญี่ปุ่นอีกเลย แต่จะเที่ยวเป็นโซน ๆ ไป เพราะญี่ปุ่นเที่ยวได้ทั้งปีและทุกฤดูกาล @ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน #เที่ยวต่างประเทศ #เที่ยวญี่ปุ่น
Yuva Kanta • 25 พ.ค. 63
อ่าน
กรุงเทพฯ ครองอันดับ 6 เมืองที่ดีที่สุดในโลกด้านอาหาร จากนิตยสารดัง Time Out
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ปลื้มข่าวดี Time Out นิตยสารอันดับโลกด้านไลฟ์สไตล์ ประกาศว่า ไทยครองอันดับ 6 ของโลก ในหมวดหมู่ The worlds 20 best cities for food หรือ 20 เมืองที่ดีที่สุดในโลกในด้านอาหาร (https://www.timeout.com/travel/worlds-best-cities-for-food)นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านิตยสาร Time Out ชั้นนำระดับโลกด้านการแนะนำไลฟ์สไตล์ สถานที่ท่องเที่ยว เเละนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดของเมืองในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับ วัฒนธรรม การเดินทาง อาหาร และความบันเทิง โดยในการจัดลำดับทางนิตยสารสอบถามไปยังผู้คนท้องถิ่นเกี่ยวกับการรับประทานอาหารนอกบ้าน เพื่อจัดอันดับเมืองหลวงแห่งอาหารในปี 2024 นี้โดยนิตยสารฯ ได้ระบุว่าการรับประทานอาหารเป็นส่วนหนึ่งของการทำความรู้จักแต่ละเมือง ส่วนที่ทำให้อาหารยอดเยี่ยม ไม่ใช่เพียงแค่คำชม และดาวมิชลิน (Michelin Star) แต่คือ ตัวเลือกของอาหาร คุณภาพ ราคา การสำรวจครั้งนี้จึงเป็นการสอบถามไปยังหลายพันคนเพื่อกล่าวถึงการรับประทานอาหารนอกบ้านในบ้านเกิดของตัวเอง ให้คะแนน ด้านคุณภาพ ราคา จากนั้น ทีมบรรณาธิการและนักเขียนทั่วโลกเป็นผู้สรุปผลการสำรวจกรุงเทพฯ ได้รับการจัดอับดับให้ครองที่ 6 ของโลก The worlds 20 best cities for food โดยในนิตยสารได้ระบุว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงของ Street Food และมีราคาย่อมเยาที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก มีความหลากหลาย ทั้งรับประทานจากจานร้อนริมถนน หรือเสิร์ฟในเรือบริเวณตลาดน้ำ อาหารที่ต้องลองคือ ส้มตำ นอกจากนี้ กรุงเทพฯ มีร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ ถึง 34 แห่ง และมีถึง 8 ร้านได้รับรางวัล Asias 50 Best Restaurants 2024 (https://www.timeout.com/bangkok/restaurants/asias-50-best-restaurants)ในโอกาสนี้ นิตยสารฯ เชิญชวนให้ผู้อ่านเดินทางมารับประทานอาหารที่กรุงเทพฯ ในฐานะจุดหมายปลายทางด้านอาหารที่ดีที่สุดของโลก ในฐานะหัวใจของอาหาร Street Food ตอนนี้กรุงเทพฯ มีย่านใหม่ บรรทัดทอง แข่งขันกับย่านคลาสสิกที่ถนนเยาวราช รวมทั้งมีร้านอาหาร Fine Dining ซึ่งได้รับรางวัล Michelin stars และ Asias 50 Best Restaurants 2024 ข้างต้นนายกรัฐมนตรีภูมิใจในศักยภาพ มนต์เสน่ห์ ของกรุงเทพฯ และประเทศไทย นักท่องเที่ยวที่ได้มาสัมผัสวัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ อาหาร ผลไม้ กรุงเทพฯ และประเทศไทยต่างมีความชื่นชม ไทยมีความหลากหลาย ตอบโจทย์กระแสการท่องเที่ยว และความต้องการของนักท่องเที่ยว ซึ่งอีกสิ่งที่น่าภูมิใจคือ ไทยมีศักยภาพในการเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมระดับโลก โดยนายกรัฐมนตรีพร้อมสนับสนุนให้ปีหน้า 2568 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ของไทย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชม ชิม ช้อป ซึ่งนอกจากเชื่อมั่นว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจแล้ว เชื่อว่าจะขยายกิจกรรมออกไปทั้งในเมืองหลัก และเมืองรอง สร้างอาชีพ พัฒนาวิถีชีวิตพี่น้องประชาชน นายชัย กล่าว
TNN ช่อง16 • 5 มิ.ย. 67
อ่าน
รีวิวเพลง Out of Time - The Weeknd พร้อมคำแปลไทย
หากต้องพูดถึงนักร้องชายที่ทรงอิทธิพลในยุคนี้จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก อาเบล เทสเฟย์ หรือ ที่เราคุ้นชื่อกันอย่างดีในนาม The Weeknd ด้วยสไตล์ของเพลงที่โดดเด่นและติดหูจนหยุดร้องตามไม่ได้ วันนี้ไรท์เตอร์จึงเลือกแปลเพลง Out of Time - The Weeknd ซิงเกิลลำดับที่ 3 จากอัลบั้ม Dawn FM ซึ่งโดยงานนี้ยังได้นางเอกสาวชื่อดังระดับโลก จองโฮยอน มาเล่นเป็นนางเอกใน MV ด้วย บอกเลยว่าเคมีเข้ากันสุด ๆ พร้อมแล้วไปอินกับความหมายเพลงดีที่นำมาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนวันนี้กันได้เลยค่ารีวิวเพลง Out of Time - The Weeknd ความหวังเล็ก ๆ ของคนในอดีตตั้งแต่มีประกาศจาก The weeknd ว่าจะปล่อย MV เพลง Out of Time มาให้แฟน ๆ ได้รับชม ก็เป็นสิ่งที่หลายคนตั้งตารอกันมาก ๆ ซึ่งรวมถึงตัวไรท์เตอร์เองด้วย เพราะเพลงนี้ถือเป็นเพลงที่ส่วนตัวชอบที่สุดในอัลบั้มนี้เลยค่ะ ทำนองของเพลงมีกลิ่นอายของเพลงแนว City pop และในช่วง Intro ได้มีการนำเพลง "Midnight Pretenders" ผลงานเพลงจากศิลปินชาวญี่ปุ่น Tomoko Aran มาใช้เป็นแซมเปิ้ลดนตรีที่ผสมกับสไตล์ของ The Weekend ได้อย่างลงตัวมาก ๆ โดยเนื้อหาหลักของเพลงเน้นถ่ายทอดเรื่องราวความรักที่ได้จบความสัมพันธ์ไปแล้วแต่ยังคงไม่มูฟออน ถึงอย่างนั้นก็หมดเวลาที่ย้อนกลับไปแก้ไข้ความสัมพันธ์ให้กลับมาดีดั้งเดิม จึงทำได้เพียงแค่แอบหวังอยู่ลึก ๆ และหวนคิดถึงเวลาที่ยังคงมีร่วมกันอยู่ซ้ำ ๆ อย่างที่เราได้เห็นผ่านซีนต่าง ๆ ใน MV ที่ทั้งคู่ดูเต็มไปด้วยความสุขแต่กลับเป็นความสุขที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยโทนสีดำ แปลเพลง Out of time - The Weeknd[Intro]Yeah, yeah [Verse 1]The last few months, I've been workin' on me, babyช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ ผมพยายามทำความเข้าใจกับตัวเอง ที่รักThere's so much trauma in my lifeในชีวิตของผมมีบาดแผลเกิดขึ้นมากมายI've been so cold to the ones who loved me, babyผมทำตัวเฉยชากับคนที่รักผม ที่รักI look back now and I realizeตอนนี้ผมมองย้อนกลับไปและผมเข้าใจแล้วว่า [Pre-Chorus]And I remember when I held youผมยังจดจำตอนที่ผมโอบกอดคุณได้You begged me with your drowning eyes to stayคุณขอร้องให้ผมอยู่ต่อด้วยแววตาที่แสนเศร้าAnd I regret I didn't tell youผมเสียใจที่ไม่ได้บอกคุณNow I can't keep you from loving himตอนนี้ผมไม่สามารถห้ามให้คุณไปรักเขาได้แล้วYou made up your mindคุณได้ติดสินใจไปแล้ว [Chorus]Say I love you, girl, but I'm out of timeผมอยากบอกว่าผมรักคุณ ที่รัก แต่ผมหมดเวลาไปแล้วSay I'm there for you, but I'm out of timeอยากบอกว่าผมอยู่ตรงนี้เพื่อคุณ แต่เวลาของผมหมดลงแล้วสินะSay that I'll care for you, but I'm out of timeผมอยากบอกว่าผมจะดูแลคุณให้ดี แต่ไม่เหลือเวลาของผมเเล้วSaid I'm too late to make you mine, out of timeผมบอกไปว่า มันคงสายเกินไปแล้วที่จะทำให้คุณเป็นของผม เวลาของผมหมดลงแล้ว(Ah)[Verse 2]If he mess up just a littleถ้าเขาทำเรื่องวุ่นวายแม้เพียงเล็กน้อยBaby, you know my lineที่รัก คุณรู้เบอร์โทรของผมอยู่นะIf you don't trust him a littleถ้าคุณรู้สึกไม่เชื่อใจเขาแม้เพียงเล็กน้อยThen come right back, girl, come right backก็กลับมาหาผมนะ ที่รัก กลับมาหาผมGive me one chance, just a littleให้โอกาสผมสักครั้ง แค่เพียงเล็กน้อยBaby, I'll treat you rightที่รัก ผมจะดูแลคุณให้ดีAnd I'll love you like I shoulda loved you all the timeแล้วผมจะรักคุณเหมือนอย่างที่ควรจะรักมาตลอด [Pre-Chorus]And I remember when I held you (Held you, baby)และผมยังจดจำตอนที่ผมโอบกอดคุณได้ (กอดคุณไว้ ทีรัก)You begged me with your drowning eyes to stay (Never again, baby)คุณขอร้องให้ผมอยู่ต่อด้วยแววตาที่แสนเศร้า (จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว ที่รัก)And I regret I didn't tell you (Hey)ผมเสียใจที่ไม่ได้บอกคุณNow I can't keep you from loving himตอนนี้ผมไม่สามารถห้ามให้คุณไปรักเขาได้แล้วYou made up your mind (Uh)คุณได้ตัดสินใจไปแล้ว [Chorus]Say I love you, girl, but I'm out of timeผมอยากบอกว่าผมรักคุณ ที่รัก แต่ผมหมดเวลาไปแล้วSay I'm there for you, but I'm out of time (No)อยากบอกว่าผมอยู่ตรงนี้เพื่อคุณ แต่เวลาของผมหมดลงแล้วสินะSay that I'll care for you, but I'm out of time (Hey)ผมอยากบอกว่าผมจะดูแลคุณให้ดี แต่ไม่เหลือเวลาของผมเเล้วSaid I'm too late to make you mine, out of time (Ah)ผมบอกไปว่า มันคงสายเกินไปแล้วที่จะทำให้คุณเป็นของผม เวลาของผมหมดลงแล้ว[Outro: The Weeknd]Ooh, singin', out of timeร้องออกมาว่า หมดเวลาแล้วSaid I had you to myself, but I'm out of timeผมบอกไปว่าเคยมีคุณอยู่ข้าง ๆ แต่ตอนนี้ไม่เหลือเวลาของผมเเล้วSay that I'll care for you, but I'm out of timeผมอยากบอกว่าผมจะดูแลคุณให้ดี แต่ไม่เหลือเวลาของผมเเล้วBut I'm too late to make you mine, out of time (Uh)มันคงสายเกินไปแล้วที่จะทำให้คุณเป็นของผม เวลาของผมหมดลงแล้วOut of timeไม่เหลือเวลาเเล้วOut of timeหมดเวลาแล้ว [Spoken Outro: Jim Carrey]Don't you dare touch that dialคุณอย่าเพิ่งเปลี่ยนคลื่นวิทยุไปช่องไหนนะBecause like the song says, you are out of timeเพราะเหมือนที่เพลงนี้กล่าวไว้ เวลาของคุณหมดลงเเล้วYou're almost there, but don't panicคุณเกือบจะทำได้แล้ว แต่อย่าเพิ่งวิตกกังวลไปThere's still more music to comeยังมีอีกหลายเพลงให้ฟังBefore you're completely engulfed in the blissful embrace of that little light you see in the distanceก่อนคุณจะได้ดื่มด่ำความสุขเหมือนตกอยู่ในภวังค์จากแสงสว่างรำไรที่มองเห็นอยู่ไกล ๆ นั่นSoon you'll be healed, forgiven, and refreshedในไม่ช้าคุณจะได้รับการเยียวยา การให้อภัย เเละกลับมามีชีวิตอีกครั้งFree from all trauma, pain, guilt, and shameเป็นอิสระจากบาดแผล ความเจ็บปวด ความรู้สึกผิด เเละความละอายใจYou may even forget your own nameคุณอาจจะลืมแม้กระทั่งชื่อของตัวเองไปเลยBut before you dwell in that house foreverเเต่ก่อนที่คุณจะไปอยู่ในบ้านหลังนั้นตลอดไปHere's thirty minutes of easy listening to some slow tracksนี่คือช่วงเวลาครึ่งชั่วโมงสำหรับการฟังเพลงช้า สบาย ๆ On 103.5 Dawn FMบนคลื่นวิทยุ 103.5 Dawn FMhttps://youtu.be/2fDzCWNS3igMV น่ารักจนไม่รู้ว่าเป็นเพลงเศร้ากันเลยใช่ไหมคะ TT แต่บอกตามตรงตอนนั่งแปลมีหลายท่อนที่แอบจุกอกอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ นอกจากเพลง Out of Time แล้วในอัลบั้ม Dawn FM ยังมีอีกหลายบทเพลงที่เพราะมาก ๆ แถมยังเคล้าไปด้วยกลิ่นอายยุค 80 อย่างลงตัว อาทิเพลง How Do I Make You Love Me? / Less Than Zero และ Don’t Break My Heart เป็นต้น อย่าลืมกดติดตามไรท์เตอร์ fromme2u เพื่อที่จะได้ไม่พลาดบทความดี ๆ นะคะ :) ติดตามผลงาน The Weeknd ได้ที่ํYoutube: The Weeknd Twitter: The Weeknd เครดิตรูปภาพ ภาพปกภาพที่ 1 2 3 วิดิโอ จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !
fromme2u • 10 เม.ย. 65
อ่าน
รีวิวหนังสือชื่อ From Time to Time
เป็นหนังสือที่คุณวิไลรัตน์ เอมเอี่ยม รวบรวมเรื่องราวจากประสบการณ์ชีวิตในด้านต่าง ๆ สรุปออกมาเป็นบทความสั้น ๆ จำนวน 35 บทเรื่องราวน่าฟังเหล่านี้คือเรื่องที่หลายคนต่างก็เคยพบเจอกันมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก ความผูกพัน การเฝ้ารอความสมบูรณ์แบบ ความกลัวเมื่อต้องอยู่คนเดียว เป็นต้น จริงอยู่แม้ว่าเราจะเคยเจอเหตุการณ์เหล่านี้ แต่บางครั้งเราก็ลืมไป ลืมที่จะสรุปมันว่า ถ้ามาเจอเรื่องเดิม ๆ อีกครั้ง เราควรจะมีมุมมองแบบไหนและควรจะจัดการกับมันอย่างไรการที่เราไม่สรุปให้ชัดเจนก็ไม่ต่างจากการบ้านที่เขียนไม่จบแล้วไปส่งให้คุณครูตรวจ เพราะเมื่อเหตุการณ์เดิม ๆ เกิดขึ้นอีกครั้งเราจะรู้สึก พูด และทำเหมือนเดิม ยิ่งถ้าเป็นเรื่องในแง่ลบก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นไปอีก การหาบทสรุปของเหตุการณ์ต่าง ๆ จึงมีความสำคัญอย่างมากเรื่องราวทั้ง 35 บทในหนังสือเล่มนี้จะให้บทสรุปของเหตุการณ์แต่ละอย่างและของอารมณ์ความรู้สึกที่ผู้เขียนเคยก้าวผ่านมาแล้ว หลาย ๆ เรื่องที่เราเองยังไม่ได้สรุป พอมาอ่านก็ได้บทสรุปจากหนังสือเล่มนี้ จะยกตัวอย่างเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้สัก 2 เรื่องครับ•• ความสำคัญของเพื่อนซึ่งผู้เขียนยกตัวอย่างเรื่องของตัวเอง มีอยู่คืนหนึ่งผู้เขียนโทรหาเพื่อนกลางดึกเพราะมีเรื่องสำคัญต้องการขอคำปรึกษา แต่ 5 นาทีก่อนถึงประโยคคำถามมีเพียงเสียงร้องไห้เป็นจุดเริ่มต้นของการสนทนา แม้วันรุ่งขึ้นปัญหานั้นยังไม่ได้ถูกแก้ไขโดยสมบูรณ์ แต่การสนทนาทำให้ผู้เขียนเกิดมุมใหม่ในการมองปัญหา จากมุมมองที่เปลี่ยนไปทำให้การแก้ไขปัญหาง่ายขึ้น ข้อคิดที่ผู้เขียนให้ไว้คือ “ในวันที่เราเดือนร้อนใจ หากมีใครคนหนึ่งค่อยอยู่เคียงข้างเรา แม้จะแค่คนเดียวก็ตาม คน ๆ นั้นแหละเรียกว่าเพื่อนแท้ ดีกว่าเมื่อเจอปัญหาแล้วมีคนมากมายอยู่ข้าง ๆ แต่เขาเหล่านั้นกลับไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่มีใครเข้าใจเราเลยแม้แต่เพียงคนเดียว ดังนั้นเพื่อนแท้ที่มีอยู่ เราต้องรักษาและดูแลเอาใจเป็นอย่างดี อีกทั้งตัวเราเองก็ต้องเป็นเพื่อนแท้ให้ฝ่ายตรงข้ามด้วย”•• เรื่องราวของตายายคู่หนึ่งซึ่งเป็นที่เครพรักของผู้เขียนตลอดระยะเวลาที่ตายายคู่นี้อยู่ด้วยกันมีทั้งความสุขและความทุกข์เกิดขึ้นตามรายทางที่ร่วมเดิน แต่จุดเด่นของสองตายายคือ คุณตาไม่เคยออกไปนอนข้างคืนที่ไหนเลย แม้บางครั้งจะทะเลาะกับคุณยายหนักมากก็ตามและคุณยายถึงจะถูกบ่นเรื่องรสชาติอาหารว่าไม่อร่อยอยู่บ่อย ๆ แต่คุณยายก็ไม่เคยขาดการทำอาหารให้คุณตากินเลยแม้สักมือเดียว อยู่มาวันหนึ่งคุณตาตกบันได ต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลพักใหญ่ ๆ แต่อนิจจา การนอนนอกบ้านครั้งนี้ของคุณตาถึงแม้จะเป็นครั้งแรกก็จริง แต่เป็นครั้งแรกที่คุณตาไม่ได้กลับมานอนที่บ้านอีกตลอดกาล หลังจากคุณตาเสียชีวิตไม่นานคุณยายก็เสียชีวิตตามไปด้วยถามว่าทำอย่างไรเราจะอยู่และรักกันให้นานจนถึงวันตายจากกันไป?ถ้าตายายคู่นี้มาตอบคำถามคงจะได้คำตอบว่า ทำได้ด้วยการซื่อสัตย์ รู้จักให้อภัย และมั่นคงต่อความรักของกันและกันเพราะการใช้เวลาอยู่กับคุณยายทุกคืนเหมือนที่คุณตาทำเป็นสิ่งที่คุณยายต้องการมากกว่าการที่ให้สิ่งของแล้วตัวคุณตาหายไปนอนที่อื่น อาหารการกินที่แม้จะไม่ถูกปากบ้างในบางวัน แต่ก็นั่นแหละคือสิ่งที่คุณตาต้องการเพราะมันหมายถึงการดูแลเอาใจใส่ที่คุณยายมีให้อย่างไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยเป็น 2 เรื่องที่ยกมาจาก 35 เรื่องครับ หากท่านใดสนใจก็ลองหามาอ่านดู รับรองว่าจะได้ข้อคิดและมุมมองใหม่ ๆ จากผู้เขียนที่บรรจงคัดสรรเรื่องราวดี ๆ มาให้อย่างแน่นนอนครับชื่อหนังสือ. From Time to Time เขียนโดย. วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม จำนวนหน้า. 224 หน้า หมวด. เรื่องเล่าประสบการณ์ชีวิต สำนักพิมพ์. บันบุ๊กส์ติดต่อสั่งซื้อได้ที่. https://www.naiin.com/product/detail/244131 ปณามะ.
ปณามะ • 26 เม.ย. 63
อ่าน
First time with PAUSE Band ครั้งแรกกับวงพอส
ถ้าคนที่ชอบฟังเพลง หรือที่ฟังเพลงอยู่บ้าง ไม่มีทางที่จะไม่รู้จักกับวงพอส (PAUSEBand) เพลงที่ได้รับความนิยมชื่อเพลงว่า "ที่ว่าง" ที่พูดถึงการมีระยะห่างของความสัมพันธ์ ซึ่งเพลงนี้ได้นำมาร้องในคอนเสิร์ตนี้อีกด้วย วันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2562 เป็นวันที่ได้ไปดูคอนเสิร์ตของวงพอสครั้งแรก ที่ The Camp Vintage Flea Market เป็นงานที่เพื่อนชวนเราไปแบบงง ๆ บวกกับเราฟังเพลงของวงนี้มาบ้างอยู่แล้วและงานนี้แถมเป็นงานฟรีด้วย เราเลยพลาดไม่ได้! แต่ที่น่าสนใจคือคอนเสิร์ตครั้งนี้มีจำนวนคนไม่เยอะมาก เป็นโอกาสที่เราจะได้ใกล้ชิดและรู้จักตัวตนของวงนี้มากขึ้น ภาพโดยนักเขียนแต่พอไปถึง ด้วยบรรยากาศที่มีความเป็นกันเองและเห็นผู้คนมายืนรอกันหน้าประตูก่อนถึงเวลาที่วงพอสแสดง มันทำให้เรายิ่งสงสัยว่าวงนี้ทำไมมีคนรักได้มากขนาดนี้ พอประตูเปิดเพื่อนก็รีบจูงแขนเราเข้าไปต่อแถวลงทะเบียนทันที แต่ตรงจุดลงทะเบียนดันมีของที่ระลึกขาย เพื่อนเลยชวนเราซื้อเสื้อยืดที่เป็นลายโปสเตอร์ของงานนี้ ยืนคิดยืนชั่งใจอยู่นาน สุดท้ายเราก็ใจอ่อนได้มา 1 ตัว เลยตัดสินใจว่าเดี๋ยวซื้อแล้วใส่เลยเพราะกลัวไม่มีโอกาสได้ใส่ ภาพโดยนักเขียนพอวงพอสขึ้นเวทีแล้วเริ่มเล่นเพลงแรก เราจำไม่ได้ว่าเป็นเพลงอะไรแต่เป็นเพลงเร็ว ทุกคนในคอนเสิร์ตร้องตามกันได้ทุกคำ พอจบเพลงแรกวงพอสก็เล่นไปเรื่อย ๆ พูดคุยกับแฟน ๆ บ้าง จนมาถึงเพลงรักเธอทั้งหมดของหัวใจ ก่อนเข้าเพลงนี้ เฟ้นท์ ที่เป็นนักร้องนำของวงได้พูดถึงพี่โจ้ (อดีตนักร้องนำวงพอส) เพราะเป็นเพลงที่พี่โจ้แต่งไว้ก่อนเสียชีวิต และขอให้ทุกคนช่วยกันร้องให้เสียงดังที่สุดเพื่อให้เพลงนี้ส่งไปถึงพี่โจ้ ภาพโดยนักเขียนแต่เสียงคนในคอนเสิร์ตกลับเบากว่าเพลงที่ผ่านมา เราเริ่มร้องตามไปเรื่อยๆจนถึงท่อนฮุกที่ร้องว่า ... “รัก รักเธอทั้งหมดของหัวใจ สิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างใน เธอได้ยินไหมคนดี อยากขอ ให้ความรู้สึกที่ฉันมี ส่งไปถึงเธอที่แสนดี ว่าชีวิตนี้ฉันมีแต่เธอดังความฝัน จะพบกันอีกได้ไหม” เรามองไปที่พี่เฟ้นท์และอยู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา ขนลุกไปทั้งตัว เราจำได้ว่าความรู้สึกนั้นมันเป็นความรู้สึกที่อยู่ ๆ เราก็คิดถึงพี่โจ้ขึ้นมา หลังจากนั้นน้ำตาของเราก็ไหลไม่หยุดจนจบเพลง แต่ยังดีที่เพลงต่อไปเป็นเพลงเร็ว ภาพโดยนักเขียนพอจบจากคอนเสิร์ตเรากับเพื่อนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน พอมาถึงบ้านเลยย้อนดูรูปที่ตัวเองถ่ายไว้ทำให้เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงมีคนรักวงพอสได้มากขนาดนี้ คงเพราะความเป็นกันเอง รอยยื้มของพี่ ๆ วงพอส แววตา ความรู้สึก ที่ส่งถึงผู้ฟังทุก ๆ คน เป็นส่วนหนึ่งที่เราประทับใจมากเมื่อได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง นี่คงเป็นความพิเศษของคอนเสิร์ตครั้งนี้ ... ต่อไปนี้ เพลงรักเธอทั้งหมดของหัวใจ คงเป็นเพลงที่เราชอบไปอีกนาน ขอบคุณวงพอส ที่ทำให้วันนี้กลายเป็นวันที่เราได้ประสบการณ์ดี ๆ และความรู้สึกดี ๆ อีกวันนะคะ ภาพโดยนักเขียน ภาพโดยนักเขียน ภาพโดยนักเขียนใครยังไม่เคยฟังเพลงของวงพอสลองไปฟังดูนะ สุดท้ายนี้ … อย่าลืมออกไปทำความรู้จักกับประสบการณ์ดี ๆ กันเยอะ ๆ น้า
Dearpun • 23 เม.ย. 63
อ่าน
ถึงห้ามใจก็จะรัก In Time With You ช่อง PPTV (ตอนล่าสุด)
เรื่องย่อละคร ถึงห้ามใจก็จะรัก In Time With You ช่อง PPTV ติดตามชมได้ทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 21.30 22.45 น. ทางพีพีทีวี ช่อง 36 เริ่มตอนแรก 24 มีนาคมนี้ นำแสดงโดย เป้ อารักษ์ และ โม มนชนก ที่เล่าเรื่องราว ของเพื่อนสนิทที่คบกันมา 14 ปี แค่เพียงมองตาก็รู้ว่าต่างคนต่างคิดอะไร พวกเขาสัญญากันว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป และจะไม่มีเรื่องราวความรักระหว่างชายหญิงเข้ามาแทรกโดยเด็ดขาด แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป...ความรู้สึกบางอย่างกลับเบ่งบานขึ้นมา
เรื่องย่อละคร • 27 พ.ค. 64
อ่าน
Frist time in Vietnam 3 วัน 2 คืน
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทริปนี้เป็นทริปแรกที่เราได้ไปเที่ยวต่างประเทศ และประเทศแรกที่เราไปคือ ประเทศเวียดนาม การเดินทางไปเราใช้เป็นการบริการการเดินทางกับทัวร์ เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างตามกันไปดูกันเลยค่ะ~~Day 1~~เช้าวันแรก ทางคณะทัวร์นัดเจอเราที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ครั้งนี้เราเดินทางไปกับสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD636 มุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานนานนาชาติดานัง ประเทศเวียดนาม เป็นประเทศที่ใช้เวลาเพียงแค่ 1ชั่วโมง 40 นาที เมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติดานัง จากนั้นทำการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรให้เตรียมการเอกสารให้พร้อม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ขอดูวันนั้นเจ้าหน้าที่ขอดูแค่ Passport และ Boarding Pass (เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตรวจวัคซีนพาสปอร์ต) และหากใครไม่มีซิม ก็สามารถหาซื้อในสนามบินดานังได้เลย ราคาอยู่ที่ประมาณ 250-500 บาท และจัดแจงเรื่องซิมการ์ดและเรื่องกระเป๋าประเดิมมื้อแรกกันที่ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง อาหารที่ขึ้นชื่อในประเทศเวียดนามก็จะเป็น เฝอ ก๋วยจั๊บญวน ปอเปี๊ยะเวียดนาม อาหารของประเทศเวียดนามก็จะเหมือนๆกับประเทศไทย แต่อาหารบ้านเขาจะรถชาติจืดและเน้นไปทางผักมากกว่า และเดินทางไปบานาฮิลล์ การที่จะไปบนบานาฮิลล์นั้นจะต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้ากันก่อน อากาศบนบานาฮิลล์ดีมาก ๆ อารมณ์เหมือนได้เที่ยวยุโรปเลยค่ะ ข้างบนมีจุดไฮไลต์ หลายอย่างเลยไม่ว่าจะ สะพานมือยักษ์ Golden Bridge เป็นจุดยอดฮิตในการถ่ายรูปของนักท่องเที่ยว แต่ต้องหามุมดีๆ เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมาก และยังมีสวนสนุก Fantasy Park มีทั้งของเล่นและเกมส์ให้ได้เลือกเล่นกันเต็มที่ มีทั้งเครื่องเล่น Tower Drop รถไฟเหาะ Alpine Coaster มีเกมส์ 4มิติ 5มิติ และอีกมากมายสามารถไปเลือกเล่นกันได้ และที่สำคัญอย่าลืมแวะถ่ายรูป สวนดอกไม้ Le Jardin D’Amour สวนดอกไม้สไตล์ฝรั่งเศษคืนนี้เราพักกันที่โรงแรม Mercure Ba Na Hills ที่ตกแต่งในสไตล์ฝรั่งเศษ และกลางคืนสามารถเดินเล่นถ่ายรูป อากาศกำลังดี เดินเล่นกันชิวชิว ~~ Day 2 ~~เช้าวันนี้เราเดินทางกันไปที่เมืองโบราณฮอยอัน ที่มีการผสมศิลปะและสถาปัตยกรรมของท้องถิ่นและต่างชาติ ที่ได้มีการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี มีมุมถ่ายรูปสวยๆชิคชิค สีสันสดใสของอาคารบ้านเรือน ทางสองข้างทางมีของขายมากมายๆ มีร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ อยู่ด้วย เดินกันไปต่อที่ สะพานญี่ปุ่นฮอยอัน เป็นสะพานที่มีการผสมผสานวัฒนธรรม เวียดนาม-ญี่ปุ่น อากาศค่อนข้างร้อนมาก เราจึงรีบเดินกลับมานั่งรอที่จุดนัดพบ ไปกันต่อที่หมู่บ้านกั๊มทานมาที่นี่ต้องมา นั่งเรือกระด้ง เป็นที่ขึ้นชื่อของประเทศเวียดนามมาก สนุกไม่แพ้กับการนั่งเรือเลย ทั้งสองข้างทางเราจะได้ชมธรรมชาติและวิถีชีวิตแบบ local และจะมีจุดแสดงการหมุนๆ เรือกระด้ง การแสดงการร้องเพลงอย่างเช่นเพลง ขอใจแลกเบอร์โทร และเต่างอย เพลงไทยที่ดังไกลถึงประเทศเวียดนามกันเลยทีเดียว วัดลินห์อึ๋ง เป็นวัดใหญ่ที่สุดในเมืองดานัง ภายในสถานที่นี้จะมีเจ้าแม่กวนอิมและเทพองค์ต่างๆสามารถตามไปขอพรกันได้ และยังมีวิวสวยๆเห็นวิวทะเลและวิวภูเขาในที่เดียวกันอีกด้วย ~~ Day 3 ~~วันนี้เราก็จะเดินทางกลับกันแล้ว แต่ก่อนจะกลับเราได้แวะที่ สะพานมังกร Dragon Bridge ตอนเช้าจะเห็นเป็นมังกรสีเหลืองทอง และมีมังกรพ่นน้ำ ตอนที่เราไปเป็นการช่วงปรับปรุง จึงไม่ได้เห็นมังกรพ่นน้ำ แต่ใครที่มาในช่วงเสาร์-อาทิตย์หรือเทศกาลจะมีการแสดงการพ่นไฟที่อลังการให้ได้ชม และที่สุดท้ายก่อนเราจะกลับเราแวะช้อปปิ้งกันที่ ตลาดฮาน เป็นตลาดที่รวมรวมสินค้ามากมาย ทั้งของสด ดอกไม้ ของใช้ต่างๆ เดินเล่นกันสักพักเราได้ไปเจอคาเฟ่ที่ชื่อว่า Rich เราสั่งเป็นชาเขียวมัชฉะ ราคาอยู่ที่ประมาณ 40 บาท รสชาติดีเลยทีเดียวทริปนี้สนุกเต็มอิ่มครบรสมาก เป็นการเปิดประสบการณ์การเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกด้วย ความประทับใจมาก และใครที่ได้มาประเทศเวียดนาม จะหลงรักความเป็นวิถีชีวิตแบบ local ของเวียดนามกลางอยากให้ทุกคนได้มาลองสัมผัสกันค่ะ พิกัด : เวียดนามกลางเครดิตรูป : Praewproudเครดิตเนื้อหา : PraewproudฝากติดตามInstagram : Praewa_pwpkFacebook : Praewa Pongkhao อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !
Praewproud • 27 ธ.ค. 65
อ่าน
THREE for the first time : รีวิว Lotion & Emulsion สูตรใหม่จาก THREE
วันนี้ขอมารีวิวประสบการณ์การใช้ THREE Cosmetic ครั้งแรก หลังจากซุ่มใช้มาแรมเดือนขอท้าวความก่อนว่าไปโพล่ที่ Counter นางได้เพราะไปลงทะเบียนรับบริการฟรีมา ฮ่าๆๆคือมายด์สนใจยี่ห้อนี้มานานแล้วโดยเฉพาะ Cleansing Oil อะก็ได้โอกาสละ ลองหน่อยละกัน ไม่ได้กะซื้อเลยจริงจริ๊งงงไปถึง BA จัดเต็ม เรียกว่า เกือบทั้งไลน์ All new Balancing R เลยค่ะ นางโฉมใหม่ส่วนผสมมาจากธรรมชาติ 99% ทำไมดีทุกอย่างเลยอะ บ้าจริง สุดท้ายได้มา 2 ชิ้น โดน BA กล่อมมา เป็น THREE Balancing Lotion R และ THREE Balancing Emulsion R จ้าาPackage เรียบง่าย มินิมอลสุดอะไรสุด แต่แอบมีน้ำหนัก และใหญ่มาก กินที่โต๊ะเครื่องแป้งสุดด้วยเช่นกันมาเริ่มกันที่THREE Balancing Lotion R 140ml. ราคา 2,600 บาทนางเป็นโลชั่นน้ำใสๆ อ่อนโยนต่อผิว มีส่วนผสมของน้ำลูกยอ เสริมเกราะปกป้องผิว มอบความกระชับและกระจ่าง แถมเติมความชุ่มชื้นถึงผิวชั้นในเลยตัวนี้มายด์ตัดสินใจเอามาเพราะรู้สึกว่า Routine ช่วงเช้ายังขาดตัวให้ความชุ่มชื้น และตอนเทสรู้สึกผิวชุ่มมาก และซึมเร็ว แถมเร่งให้ขั้นตอนต่อจากนั้นซึมเร็วด้วย Amazing !!วิธีใช้ : มายด์ใช้มือเหมือนน้ำตบนะคะ ตบไปดมไป เหมือน First Aid ของ Sulwhasoo เลย ใช้แค่ครึ่งปั๊มก็เกินพอ ใช้กับสำลีบ้างบางอารมณ์ แต่รู้สึกเลยว่าเปลืองกว่าความรู้สึกหลังใช้ : หอมมากกก สดชื่น รู้สึกผิวชุ่มชื้นขึ้นค่ะ หน้าฟูขึ้นทันที ผลิตภัณฑ์ซึมเร็ว แต่ทิ้งความชุ่มและหนึบๆ ไว้ ไม่มันนะคะ ส่วนความกระชับ กระจ่าง ยังเห็นไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่THREE Balancing Emulsion R 100ml. ราคา 2,950 บาทนางคือ อิมัลชั่น ค่ะ นางช่วยกระตุ้นการกักเก็บน้ำของผิว ปรับสมดุลการกักน้ำและการผลิตน้ำมันในผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำ เนียน แถมกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่อีกด้วยตัวนี้ลังเลมาก เพราะภาพจำอิมัลชั่นค่อนข้างไม่ดีเลย ใช้แล้วหน้าเยิ้มมากกก แต่ครั้งนี้ได้ลองก่อนรู้สึกมันดีขึ้นมากจริงๆ ถ้าใจเสาะผิวเราก็จะไม่ดีขึ้นอะเนาะวิธีใช้ : อันนี้ก็ไม่รู้ว่าใช้ถูกหรือป่าวนะคะ แต่ก็ใช้ครึ่งปั๊มวอร์มที่ฝ่ามือ แล้วตบๆ เหมือนเดิม ใช้เวลานิดนึงเพราะว่าซึมช้าหน่อยความรู้สึกหลังใช้ : เหมือนมีอะไรมาเคลือบผิว ทำให้ดูเนียน อิ่มน้ำ หน้าเงาเกาหลี ดิวอี้มาหมด คือมันไม่มันนะคะ แต่เงามากกกก หนึบๆ เล็กน้อย ถ้าใครไม่ชอบเงาหรือหน้าค่อนข้างมันควรทาแป้งนะคะ ส่วนเรื่องริ้วรอยนี้ยังไม่เห็นอะไร และที่สำคัญหลังใช้ไปประมาณ 1 สัปดาห์พบว่า.................หน้าดูชุ่มชื้นขึ้นมาก ผิวดูอิ่มน้ำ และสดใสขึ้น (อันนี้แล้วแต่สภาพผิวของแต่ละคนเนอะ)นี่แหละค่ะ 2 ตัวนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างดี ครั้งแรกกับ THREE ยังมีอีกหลายตัวที่มายด์อยากได้จากแบรนด์นี้ แต่ต้องพับไว้ก่อนเพราะสต๊อกล้นมาก และราคานางก็แรงงงเหลือเกิน ถ้าไปตำมาเมื่อไหร่จะรีบมาเล่าให้สาวๆ ฟังแน่นอนวันนี้ไปก่อนนะคะมายด์, Muah!!
MildNava • 27 เม.ย. 63
อ่าน
รีวิว TIME TO HUNT
Time to Hunt เป็นหนังชีวิตและอาชญากรรมตามล่าบีบหัวใจให้เต้นรัว ๆ กำกับโดย ยุน ซ็อง-ฮยอน เป็นเรื่องราวของหนุ่มทั้งสี่คนประกอบด้วย อีแจฮุน (Lee Je-hoon) รับบท จุนซอก, ชเว วู-ชิค (Choi Woo-shik) รับบท คีฮุน, อันแจฮง (Ahn Jae-hong) รับบท จังโฮ และ พัค จอง มิน (Park Jung-min) รับบท ซังซู รวมตัวกันปล้นบ่อนแล้วถูกไล่ล่าชีวิต พวกเขาต้องหนีเอาชีวิตรอด เส้นเรื่องง่าย ๆ แต่เนื้อเรื่องไม่ง่ายเรื่องย่อ ในวันที่เกาหลีใต้อยู่ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ คนในประเทศยากจนค่าเงินของเกาหลีใต้แทบเป็นศูนย์เกิดอาชญากรรมและการเรียกร้องทางการเมืองเกี่ยวกับสิทธิการจ้างงาน คีฮุนและจังโฮผู้อาศัยอยู่ในความวุ่นวายเขาจำได้ว่าต้องไปรับเพื่อนออกมาจากเรือนจำนั่นคือ จุนซอก พวกเขาทั้งสามใช้ชีวิตเป็นวัยรุ่นธรรมดาทั่วไปในเมืองนี้แต่เพราะเงินก็หมดลงทุกวัน ขณะที่พวกเขาไปเที่ยวบ่อนความคิดสร้างสรรค์จึงเกิดขึ้นโดยจุนซอก โดยมีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่งคนคือ ซังซู ลูกหนี้ของจุนซอกร่วมกระบวนการปล้นในครั้งนี้ด้วย การปล้นเหมือนจะไปได้สวยตามแผนแต่แล้วพวกเขาทั้งสี่ต้องพบกับนักล่ามือทองจากบ่อนที่หมายหัวของพวกเขาอยู่ ใครจะรอดใครจะไปต้องรับชมต่อใน Netflix รีวิว No SPOILเรื่องภาพ ทีมผู้กำกับทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นเมืองร้างเพราะเศรษฐกิจตกต่ำขั้นสุด เก็บรายละเอียดดีมากโดยเฉพาะตึกรามบ้านช่อง อารมณ์เหมือนดูหนังซอมบี้ผู้คนแทบจะอดตาย ธุรกิจใต้ดินกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง กฎหมายไม่สามารถบังคับได้ทั่วถึง และนี้ก็เป็นเหตุผลที่นำมาสู่อาชญากรรมที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเกาหลีใต้ในยุคนี้คือการเอาตัวรอดเรื่องบท ข้อเสียก่อนนะครับ ช่วงกลางเรื่องน่าเบื่อและง่วงนอน แต่ก็ห้ามหลับเพราะฉากเหล่านั้นจะทำให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ของตัวละครและเบื้องลึกเบื้องหลังของพวกเขาทำให้สร้างความสับสนกับเราในฐานะผู้ชมจะตัดสินพวกเขาอย่างไร ส่วนข้อดีนั้นต้องขอชมว่าทำออกมาได้ดีมาก ใช้ตัวละครหลักที่ต้องดำเนินเรื่องแค่สี่คนกับนักล่าอีกหนึ่งคน นอกนั้นก็มีเข้ามาประกอบให้ตื่นเต้นนิดหน่อยและไม่มีนางเอก ใช่ครับ ! เป็นหนังที่ไม่มีนางเอกซึ่งจุดนี้ทำให้หนังมีความสมจริงกับแนวทางที่ผู้กำกับปูมาว่าเกาหลีใต้ตกต่ำและหนุ่มทั้งสี่คนมีความฝันที่แรงกล้าจะไปเริ่มต้นใหม่ที่ประเทศอื่น ดังนั้นถ้ามีผู้หญิงเข้ามาจะขาดความสมจริงมาก ต้องลุกขึ้นปรบมือให้ผู้กำกับจริง ๆ ครับระดับความมัน ช่วงการไล่ล่าไม่ตื่นเต้นหรือหักมุมมาก เน้นว่าผู้กำกับทำได้สมจริงไม่ได้เกินจริงหรือต้องตกตลึงแต่เราจะลุ้นเหมือนดูรายการเรียลลิตีหนีตาย และหนังจบปลายเปิดทิ้งปมไว้ซึ่งอยากให้มีภาคสองเพราะค้างคาใจในหลาย ๆ เรื่องแนะนำหรือไม่ถ้าไม่ดูถือว่าพลาดมากสำหรับคอหนังชีวิต ไล่ล่า คุณจะได้เห็นฝีมือของทีมผู้กำกับที่รังสรรค์เกาหลีใต้ให้กลายเป็นเมืองร้าง นักแสดงแต่ละคนที่เล่นได้สมบทบาทโรคจิตสุดชีวิตและซึ้งจนน้ำตาไหล หนังเรื่องนี้จะเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ชอบอะไรหักมุมเพราะหนังเน้นความสมจริงไม่ว่าจะเป็นบทหรือฉากไม่แฟนตาซีเกินจริง พูดง่าย ๆ มันคือเรื่องราวที่สามารถเกิดขึ้นจริงได้ บู้ล้างผลาญพอประมาณ ความสัมพันธ์ที่ไม่ล้น ความกลัวในระดับคนปกติ ฉะนั้นผมจึงอยากแนะนำให้ได้ดูมาก ๆ ช่วงแรก ๆ ของหนังดูแล้วอย่าพึ่งท้อเพราะปมค่อนข้างเยอะให้ดูไปเรื่อย ๆ แล้วหนังจะค่อย ๆ เฉลยเรื่องราวทุกอย่างออกมา สำหรับวันนี้ขอบคุณครับขอบคุณรูปภาพจาก Trailer : Time to Hunt ภาพหน้าปก / ภาพประกอบ 1 / ภาพประกอบ 2 / ภาพประกอบ 3
คาทคุง • 5 พ.ค. 63
อ่าน
เร็ว! แรง! เจ้าแรกในประเทศไทย The First True 5G
เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ True 5G อัจฉริยะภาพสู่โลกใหม่ที่ยังยืน มุ่งนำอัจฉริยภาพของเทคโนโลยี 5Gมาเติมเต็มในการใช้ชีวิตแบบทุกมิติเพื่อก้าวสู่โลกใหม่ที่ยังยื่น เพราะเชื่อว่า เครือข่าย True 5G จะไม่เป็นเพียงแค่สัญญาณมือถือ แต่เป็นสัญญาณยกระดับศักยภาพของประเทศ โดยนำคลื่น 5G ที่ประมูลได้อย่างคุ้มค่าทั้งย่าน 2600MHz และ 26 GHz ร่วมกับคลื่น 700 MHz เดิมและคลื่นอื่นๆ ที่มีอยู่แล้ว มาเสริมศักยภาพคลื่นทรูให้แข็งแกร่งขึ้น โดยภายในงานมี คุณสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการพาณิชย์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น และ คุณโอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านแบรนด์และการสื่อสาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น มาร่วมพูดคุยในงานนี้ด้วย ซึ่งทั้ง 2 ท่านก็ยังยืนหยัดว่า True 5Gเป็นมากกว่าสัญญาณมือถือ นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ทั้ง บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ,เฌอปราง BNK48 ,อเล็กซ์ เรนเดล ,หมอเจี๊ยบ ลลนาและ ไอซ์ พาริส อีกด้วย ข่าวบันเทิง by True inside
TNN ช่อง16 • 20 ก.พ. 63
อ่าน
ลุ้นจนหยุดหายใจไปกับ Time to hunt
Time to huntวันนี้นักเขียนมาแนะนำภาพยนตร์เกาหลีที่จะทำให้คนดูลุ้นจนหยุดหายใจกันเลยทีเดียว “Time to hunt” จากบริษัทผู้ผลิตชื่อดังอย่าง Sidus Pictures และเผยแพร่โดย Netflix โดยภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย ยุนซองฮยอน หลังจากเล่าข้อมูลคร่าวของภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว นักเขียนจะมารีวิวว่า เรื่องนี้ควรค่าแก่การชมหรือไม่จะลุ้นเหมือนที่นักเขียนโม้ไว้หรือไม่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รวบรวมดารานักแสดงชื่อดังที่หลายๆคนต้องคุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างแน่นอนอย่าง อีเจฮุน อันแจฮง ชเวอูชิก พัคจองมิน มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้“Time to hunt” เป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าผ่านในจุดที่ประเทศเกาหลียุคมืด มีเศรษฐกิจที่ตกต่ำ บ้านเมืองเสื่อมโทรม ประเทศเปลี่ยนใช้เงินวอนเป็นเงินดอลลาร์ ประชาชนต่างออกมาประท้วง กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งจึงต้องหาทางออกจากประเทศนี้เพื่อไปมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยได้วางแผนที่จะปล้นคาสิโน ผู้เขียนจะเล่าแค่ถึงแค่นี้พอเพื่อให้ผู้อ่านได้ไปลุ้นกันต่อในหนังกันเอง เพื่อความอรรถรสจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ความสนุกในการวางแผนปล้นของวัยรุ่นกลุ่มนี้ ซึ่งหนังเล่าได้กระชับและลุ้นในเวลาเดียวกัน จนผู้เขียนลุ้นจนหยุดหายใจกันเลยทีเดียว จังหวะการต่อสู้การหลบหนีของเรื่องนี้คือ ดีไปหมด ตัวหนังก็เล่าได้รวดเร็ว 20-30 นาทีแรก คือ ปล้นเสร็จแล้ว ตอนที่ผู้เขียนดูเลย งงมากว่าต่อจากนั้นตัวหนังจะเล่าไปในทิศทางไหน ทำให้ผู้เขียนเดาทางหนังไม่ออกเลยทีเดียวความรู้สึกหลังจากการดูของผู้เขียนคะแนนเต็ม 10 ขอให้ 8 ครับ เป็นหนังที่ดูเอามันส์ได้ดีเลย แต่ที่ต้องชื่นชมจริงๆคือ อีเจฮุน นักแสดงนำของเรื่อง ผู้เขียนขอปรบมือให้เลย แสดงได้ถึงอารมรณ์ถึงใจครับ กลัวเป็นกลัว จนทำให้ผู้เขียนอินไปกับตัวละครได้ง่าย ส่วนด้านการเล่าเรื่องส่วนตัวนักเขียนชอบการเล่าที่กระฉับ แต่สำหรับคนอื่นๆอาจจะรู้สึกว่าตัวหนังมันยืด ด้วยความที่หนังยาว 2 ชั่วโมงกว่าเลย แถมตัวหนังไม่ได้เล่าอะไรเยอะมีแต่ฉากไล่ล่ากัน ถ้าใครอยากจะหาหนังไล่ล่า ลุ้นจนเหงื่อแตกแล้ว Time to hunt เป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกในการเลือกหนังของคุณครับ ส่วนเรื่องโทนแสงสีของหนังเรื่องนี้ก็ต้องชื่นชมว่าจัดชุดสีได้สวยเลยทีเดียว ดนตรีประกอบชวนพาลุ้นได้ไม่ยากเป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับการรีวิวภาพยนตร์ Time to hunt หากใครชอบก็สามารถไปตามดูกันได้ ทาง Netflix ซึ่งสามารถรับชมผ่านกล่อง True ID TV ได้แล้ววันนี้ สำหรับวันนี้นักเขียนก็ขอตัวลาไปก่อน แล้วเจอกันในบทความหน้านะครับขอบคุณภาพจาก Netflix Official Trailer
Tumsaurus • 27 พ.ค. 63
อ่าน
“Once Upon A Time with KHAOKHWAN” เสิร์ฟความสุข ความอบอุ่น ฉลองวันเกิด “เบนซ์ ข้าวขวัญ”
Once Upon A Time with KHAOKHWAN เสิร์ฟความสุข ความอบอุ่น ฉลองวันเกิด เบนซ์ ข้าวขวัญ บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น ละมุนไปด้วยสีพาสเทล ท่ามกลางบรรยากาศสวนสวย เมื่อค่าย QWIN LABEL จัดกิจกรรม Once Upon A Time with KHAOKHWAN ให้แฟนคลับได้ร่วมฉลองวันเกิดแบบใกล้ชิดกับ เบนซ์ ข้าวขวัญ โดยเหล่า ต้นข้าว (ชื่อกลุ่มแฟนคลับ) ลงทะเบียนครบ 100 ท่านอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ที่เปิดให้ลงทะเบียนร่วมงาน งานนี้ เบนซ์ น้ำตาซึมใจฟูพองแบบสุดๆ ภายในงานบรรยากาศเต็มไปความละมุน และความใส่ใจในทุกดีเทลของงานไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง อาหาร ขนมที่พร้อมเสิร์ฟท่ามกลางบรรยากาศสวนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม นอกจากนี้คุณเจ้าของวันเกิดยังขอมอบความพิเศษให้กับทุกคนกับโชว์ร้องเพลง เวอร์ชั่นอะคูสติก ที่อัดแน่นหลากหลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น Hot Deal ซิงเกิลล่าสุดที่เพิ่งปล่อยมาไม่นาน รวมถึงเพลง คิดดีไม่ได้เลย เพลงที่ติดหูใครหลายคน และเพลงพิเศษ ฉันดีใจที่มีเธอ ที่สาว เบนซ์ ตั้งใจมอบให้ต้นข้าวทุกคน ปิดท้ายด้วยเหล่าต้นข้าวได้ทำ VTR Fan Project มาเซอร์ไพรส์ทำเอา เบนซ์ น้ำตาไหลซึ้งใจกับโมเมนต์นี้เป็นที่สุดพร้อมบอกว่านี่จะเป็นกำลังใจในการทำงานของเธอต่อไป และยังขอสัญญาว่าจะไม่หยุดพัฒนาตัวเองจะทำทุกอย่างให้ดียิ่งขึ้นต่อไปในฐานะศิลปินคนหนึ่งอีกด้วย งานนี้ทั้งซึ้ง ทั้งอบอุ่นใจทั้งแฟนคลับและศิลปินจริงๆ จ้า
ดาราเดลี่บันเทิง • 9 เม.ย. 68
อ่าน
มารู้จักเหตุการณ์ทุ่งสังหารจากหนังเรื่อง first time they killed my father
ทุกคนที่เคยดูหนังเรื่อง first time they killed my father ที่ลงช่อง netflix ไปในปี 2017 คงจะคุ้นเคยกับคำว่าทุ่งสังหาร เขมรแดง และกัมพูชากันใช่มั้ยคะ ผู้เขียนจำได้ว่าครั้งแรกที่ผู้เขียนดูหนังเรื่องนี้ ผู้เขียนร้องไห้ออกมาเลยค่ะ เพราะไม่อยากเชื่อว่าชีวิตเด็กคนหนึ่งที่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ ต้องมาเจออะไรที่โหดร้าย และเลวร้ายเกินกว่าที่มนุษย์จะทำให้กันขนาดนี้ มันโหดร้ายมาก ๆ จนผู้เขียนคิดว่าถ้าผู้เขียนไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น ผู้เขียนคงจะไม่มีกำลังใจที่จะมีชีวิตรอดไปแล้วค่ะวันนี้ผู้เขียนจะมาเล่าเหตุการณ์ในทุ่งสังหารที่เกิดขึ้นนะคะ ว่ามันเลวร้าย หดหู่ และโหดร้ายยังไง ชนิดที่ไม่ควรจะเกิด และไม่น่าเกิดขึ้นอีกบนโลกนี้เลยค่ะ ย้อนกลับไปปลายยุค 60 ประเทศกัมพูชาเข้าสู่วิกฤติทางเศรษฐกิจที่วุ่นวาย มีการลุกฮือประท้วงของประชาชน และก็นักศึกษา ซึ่งรัฐบาลทหารก็ต้องใช้กำลังปราบปรามประชาชน ทำให้นักเรียน นักศึกษาบางส่วนต้องหนีเข้าป่า ก่อนที่จะมีรัฐประหารตามมา ซึ่งบุคคลที่เป็นผู้นำในขณะนั้น ก็คือ นายพลที่รู้จักกันดีในนาม ผู้พันพลพต คนสมัยนั้นเชื่อว่าเขาคือบุคคลที่จะเข้ามาช่วยเหลือ และสามารถเปลี่ยนแปลงเขมร ให้กลับไปรุ่งเรืองเหมือนยุคในอดีตได้ ซึ่งผู้พันพลพต ได้ไปเข้าร่วมกับคอมมิวนิสต์จีน เกิดเป็นกลุ่มเขมรแดงขึ้นมา ซึ่งทุ่งสังหารไม่ได้มีที่เดียว แต่กระจายไปทั่วกัมพูชากว่า 300 ทุ่งทั่วประเทศเลยและทันทีที่กลุ่มเขมรแดงถูกจัดตั้งขึ้นมา ก็เริ่มต้นปกครองระบบคอมมิวนิสต์ ด้วยความคิดที่ว่า อัตตาหิ อัตตาโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนะคะ ประมาณว่าในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากประเทศฝรั่ง ขอแค่กินอิ่มนอนหลับก็เพียงพอแล้ว และไม่ควรจะมีครู นักแสดง หมอ นักกฎหมาย หัวหน้าธุุรการ นายธนาคาร เจ้าของห้าง เพราะไม่รู้จะมีไปทำไม เลยจัดการไล่ทุกคนไปทำนา และส่งเสริมให้คนทุกคนต้องเท่าเทียมกัน ฟังเป็นความคิดที่สวยงาม และทุกอย่างดูเป็นโลกในอุดมคติใช่มั้ยคะ ไม่ต้องแข่งขันกับใคร ไม่ต้องขัดขาคู่แข่งทางสายงานอาชีพ ทุกคนก็ได้รับผลประโยชน์ และส่วนปันผลในแบบที่เท่า ๆ กันแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงค่ะ ลองคิดภาพ ให้คนที่นั่งทำงานอยู่ในตำแหน่งพนักงานบริษัท มาจับเสียมจับจอบทำนากระทันหัน ไปยืนกลางทุ่ง และถ้ายืนเฉย ๆ ก็จะถูกคนในกลุ่มเขมรแดงบังคับให้ใช้แรงงานด้วยการเฆี่ยนตี และถ้าไม่ทำตามก็จะถูกจับไปยิงทิ้ง เป้าหมายของเขมรแดง คือ คน ๆ หนึ่งต้องผลิตพืชผลออกมาให้มากที่สุด มากชนิดที่ว่าชาวนาที่ทำนามาทั้งชีวิตบางคน ยังปลูกไม่ทันเลย พอทำนาเสร็จก็จะได้รับอาหารเป็นข้าวต้มจานหนึ่ง กับปลาแห้ง ๆ ที่กินชามเดียวแล้วต้องกลับไปใช้แรงงานต่อทั้งวัน เรียกได้ว่าเป็นชีวิตที่ลำบากมาก แล้วอย่าหวังนะคะ ว่าความเท่าเทียมมันจะเกิดขึ้นจริง เพราะผลผลิตที่ได้มาจะถูกส่งไปเลี้ยงคนจีน เพื่อผูกมิตรทางการค้า หรือพันธมิตรนั่นแหล่ะค่ะแล้วถ้ามีคนไม่เห็นด้วย คนเขมรแดงก็จะบังคับให้เราสารภาพผิด ว่าเรามีความผิดอะไร เอาข้อมูลไปให้ศัตรูของประเทศหรือเปล่า เป็นมิตรกับชาวต่างชาติหรือพวกฝรั่งใช่มั้ย หรือเป็นสปายให้กับสหรัฐอเมริกา อะไรนิดหน่อยที่เกี่ยวโยงกับสหรัฐ ก็จะถูกคุมขัง ตรวจสอบ โรงเรียนหลาย ๆ โรงเรียนถูกออกแบบให้เป็นห้องกักกันสำหรับนักโทษ ในลักษณะที่แตกต่างกัน บางที่ไม่มีโรงเรียนก็เป็นวัดแทนเขาว่ากันว่าในเวลากลางคืน จะมีเพลงชาติของประเทศ ดังออกมาตลอดทั้งคืน แต่ไม่ใช่ดังขึ้นเพื่อให้คนยืนขึ้นเคารพธงชาติอะไรแบบนั้นหรอกนะคะ แต่เป็นไปเพื่อปิดบังเสียงกรีดร้องโหยหวนจากคนที่ถูกฆ่า หรือถูกทรมานอย่างสยดสยอง ก่อนจะสิ้นใจหายไปจากโลกต่างหาก เมื่อเพลงหยุดลง เสียงแห่งความสยองจบลง จะมีรถบรรทุกคันหนึ่งขับเข้ามารับคนที่ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ร่างกายอ่อนแอ คนแก่ คนพิการ หรือคนที่มีสภาพเป็นผัก จับมัดมือมัดเท้าและปิดตา พาไปสถานที่แห่งหนึ่ง และบังคับให้ทุกคนขุดหลุมขนาดใหญ่พอที่จะฝังคนได้สิบคน แล้วจากนั้นก็จะผลักคนเหล่านั้นให้ตกลงไปในหลุม แล้วเอาดินกลบทับด้วยสภาพสยดสยอง และเขาก็จะใช้ทุกวิธีการ ในการลบคนเหล่านั้นให้หายไป เหมือนกับธานอสดีดนิ้วเลยค่ะกลุ่มเขมรแดงเรียกได้ว่าขึ้นชื่อมาก ๆ ค่ะ ในด้านการสังหารชีวิตคนบริสุทธิ์ไปเศษ 1 ส่วน 4 ของประเทศกัมพูชาทั้งประเทศเลยค่ะ แถมคนในกลุ่มเขมรแดง ยังมีความเชื่อด้วยว่าฆ่าคนบริสุทธิ์ให้ตาย ก็ยังดีกว่าปล่อยศัตรูให้หนีไป โหดเหี้ยมสุด ๆ เลยใช่มั้ยล่ะคะ แล้วกลุ่มคนไม่เห็นด้วยที่อยู่ในกลุ่มเขมรแดงจะทำยังไงล่ะ เขาก็แอบหนีออกมาผ่านตะเข็บชายแดนประเทศไทย บ้านใกล้เรือนเคียงนี่แหละค่ะ แต่กว่าจะเดินทางมาถึงไม่ง่ายนะคะ เพราะต้องเสี่ยงชีวิตเดินฝ่าทุ่งระเบิดที่ถูกวางไว้เพียบ ไม่ว่าจะเป็นระเบิดดิน ระเบิดน้อยหน่า เหยียบโดนเมื่อไรก็มีสิทธิ์แขนขาด ขาขาด กลายเป็นมาม่ากรอบได้เหตุการณ์ทุ่งสังหารดำเนินมาเรื่อย ๆ จนเวลาผ่านไป 4 ปี ก็ได้สงบลง คนที่หนีมาได้ก็พยายามที่จะกลับไปที่ทุ่งสังหารอีกครั้ง เพื่อตามหาพ่อแม่ พี่น้อง ญาติ เพื่อนสนิท หรือคนสำคัญของเขา ที่หายสาบสูญไปในเหตุการณ์เขมรแดง เพื่อที่จะได้นำศพมาทำพิธีทางศาสนา แม้จะไม่รู้ว่าซากที่ขุดออกมานั้น เป็นร่างของใครหรือร่างของใครก็ตามหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้จบลง ทหารหรือคนที่เคยอยู่ในกลุ่มเขมรแดงก็ถูกจับมาลงโทษทางกฏหมาย และได้รับโทษประหาร ไม่ก็ขังคุกตลอดชีวิต ทุกวันนี้ก็ยังมีโครงกระดูกที่ถูกวางเรียง ๆ กันในพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้ตระหนักรู้ถึงความโหดร้ายที่เคยเกิดขึ้น กับสิ่งที่เพื่อนมนุษย์เคยทำไว้ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ว่าเราไม่ควรจะกลับไปผิดพลาดหรือทำอย่างนั้นอีกขอขอบคุณ เครดิตรูปภาพ หน้าปก ตกแต่งผ่านเว็บ Canva รูปภาพประกอบที่ 1 โดย BedexpStock / 2 โดย Gorkhs / 3 โดย maz-Alph / 4 โดย Clker-Free-Vector-Images
INFP小说✍ • 24 ม.ค. 64
อ่าน
No Time to Relax มาบริหารชีวิตกันเถอะ
No Time to Relax มาบริหารชีวิตกันเถอะNo Time to Relax - เป็นแนวเกมที่ออกมาอย่างต่อเนื่องจริง ๆ นะครับ สำหรับตัวเกมแนวทางการเล่นแบบ สวมบทบาทจำลองเหตุการณ์ การบริหารการลุงทุน ต่าง ๆ หรือ ที่เรียกกันในส่วนของบอร์ดเกม การจัดเวลาบริหาร นอกจากลูกเล่นที่ให้ผู้เล่นสวมบทบาท ในการบริหาร ตัวเกมแนวนี้ยังสร้างความเพลิดเพลิน ที่แตกต่างจากเกมแนวอื่น ๆ โดยตัวเกมมีการพัฒนาจากค่าย " porcelain fortress " โดยมีการเปิดวางจำหน่ายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 โดยมีการจำหน่ายลงเครื่องเกม อย่าง " Nintendo Switch " และ การจำหน่ายลงในระบบของ PC ในหน้าร้านค้า Steam เช่นเดียวกันครับระบบเกม และ สไตล์การเล่นNo Time to Relax มาบริหารชีวิตกันเถอะ - ระบบของเกมตอนเริ่มแรก ผู้เล่นจะได้เริ่มต้นชีวิตภายในเมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งผู้เล่นเองจะต้องจัดสรรเวลาในแต่ละวัน โดยการบริหารเวลาเหล่านั้นอย่างเต็มที่ โดยเกมจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือ สร้างเรื่องราวต่าง ๆ ให้ผู้เล่นต้องพบเจอ และ คอยจัดการเรื่องราวเหล่านั้น เช่น ในเเต่ละอาทิตย์ ผู้เล่นต้องคอยจัดการในเรื่องเงิน รายรับ รายจ่าย การที่ต้องออกไปทำภารกิจกับเพื่อน และ คอยระวังเรื่องขยะที่อาจจะมีมากจนเกินไป หรือ อาจจะเป็นเรื่องของโจรขึ้นบ้าน ซึ่งมีเปอร์เซ็นในการเกิดเรื่องที่แตกต่างกันออกไปด้วยนะครับNo Time to Relax - ในด้านของระบบที่จะเข้ามามีส่วนในชีวิตของผู้เล่น อย่างระบบเล็ก ๆ น้อย ๆ ของการซื้อสิ่งของเพื่อเพิ่มค่าความสุข กับ ของเกินเพื่อดำเนินชีวิตในเเต่ละวัน โดยเริ่มจากเครื่องใช้ไปฟ้าครับ การเลือกซื้อสิ่งของภายในเกมที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะ การซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า อาจจะเพิ่มเวลาในเเต่ละวันให้กับผู้เล่น เพราะจะสร้างความสะดวกในการใช้ชีวิตมากขึ้น เช่น ตู้เย็นจะเป็นการประหยัดเวลาในส่วนของการทำอาหารภายในเกม เครื่องซักผ้าจะทำให้ เสื้อผ้า และ ชุดต่าง ๆ ไม่ขาด หรือ เพิ่มระยะเวลาการใช้งานมากขึ้นด้วยในส่วนของระบบการทำงาน ก็มีความจำเป็นมากเลยทีเดียวครับ เพราะผู้เล่นเองจำเป็นจะต้อง บริหารการใช้จ่ายไปในตัว โดยผู้เล่นต้องคอยคำนวณเงินที่จะใช้จ่ายเช่นเดียวกัน ทำงานได้เท่าไร บริหารยังไง และ ต้องจัดการให้ได้ในเเต่ละอาทิตย์ เพราะ แน่นอนว่าตัวเกมจะต้องทำให้ผู้เล่นต้องใช้เงินในส่วนต่าง ๆ อย่างแน่นอนครับในส่วนระบบเล็ก ๆ น้อย ๆ ของการเล่นเกมนะครับ ผู้เล่นจะได้บริหารตัวละคร ภายในตัวเกมนี้ได้มากถึง 4 ตัวละครด้วยกันนะครับ ซึ่งสามารถสร้างในส่วนของ ระบบของ AI เพื่อมาเป็นคู่แข่งในการเล่นได้อีกด้วยครับ และ มีระดับความยากของเกมให้เลือกถึง 4 ระดับเช่นเดียวกันเลย ภาพในเกม และ กราฟิกในเรื่องของกราฟิก และ ระบบภาพภายในเกมนี้ อาจจะไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก ดูเรียบง่ายสไตล์เกมจัดสรรเวลาทั่ว ๆ ไป ในส่วนของภาพเลยไม่ได้เป็นจุดเด่นเท่าไรในเรื่องนี้ แต่ก็มีความสวยงานในรูปแบบของเกม 2D เล่นได้เพลิน ๆ ถือว่าเป็นเกมหนึ่งเกมที่ข้ามเวลาได้ดีเลยทีเดียว จุดเด่นของเกม No Time to Relax มาบริหารชีวิตกันเถอะ- ระบบการเล่นที่มีความหลากหลาย และ มีความน่าสนใจ เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน- ในส่วนเกมเพลย์ มีความลื่นไหลเป็นอย่างดี ทำให้เวลาเล่นเพลิดเพลินไม่สะดุด- ระบบภาพ และ เอฟเฟคที่เรียบง่าย มีความสวยงานในรูปแบบของเกม 2Dคะแนนรีวิว No Time to Relaxระบบเกม และ สไตล์การเล่น - ( 8.5/10 )ภาพในเกม และ กราฟิก - ( 6.5/10 )Gameplay - ( 7/10 )ขอบคุณภาพประกอบจาก Steam / ภาพประกอบ 1 / ภาพประกอบ 2 / ภาพประกอบ 3 / ภาพประกอบ 4 / ภาพประกอบ 5เรียบเรียงบทความ " โดยนักเขียน " ( Fukuŕo )ลิงก์โหลดเกม No Time to Relax Steam
Fukuŕo • 5 ส.ค. 63
อ่าน
Into the past : การสังหารหมู่มิวนิก , First Supermarket (6ก.ย.)
Into the past : วันนี้ trueID News จะพาย้อนไปในอดีตของวันนี้กับเหตุการณ์ที่สำคัญ เรื่องราวสาระน่ารู้ ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ จะเป็นอย่างไรไปติดตามกัน Into the past : รอบโลก พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) : นักกีฬาโอลิมปิกชาวอิสราเอลเสียชีวิตจากการลักพาตัวที่เมืองมิวนิก ภาพประกอบ : AFP นักกีฬาอิสราเอลทั้งเก้าคนที่ถูกลักพาตัวจากหมู่บ้านนักกีฬาในมิวนิก และเสียชีวิตจากการต่อสู้ด้วยปืนที่สนามบินใกล้เคียง ตำรวจคนหนึ่งเสียชีวิตในเหตุกราดยิงที่ฐานทัพอากาศ Furstenfeldbruck พร้อมกับกองโจรสี่คนชาวปาเลสไตน์จากกลุ่ม Black September พยานที่สนามบินกล่าวว่าการยิงเริ่มขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดฉากยิงผู้ก่อการร้าย ===== Into the past : รอบโลก พ.ศ. 2459 (ค.ศ. 1916) - Piggly Wiggly ซุปเปอร์มาเก็ต แห่งแรก ที่เมืองเมมฟิส สาธารณสมบัติ Piggly Wiggly เป็นร้านขายของชำแบบบริการตนเองแห่งแรก ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2459 ในเมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี และมีความโดดเด่นในเรื่องของการเป็นร้านขายของชำแบบบริการตนเองที่แท้จริงแห่งแรก และเป็นผู้ริเริ่มคุณลักษณะต่างๆของซูเปอร์มาร์เก็ตที่คุ้นเคยเช่นจุดชำระเงินเครื่องหมายแสดงราคาสินค้าแต่ละรายการและตะกร้าสินค้า ในช่วงเวลาแห่งการก่อตั้งร้านขายของชำไม่อนุญาตให้ลูกค้ารวบรวมสินค้าของตนเอง แต่ลูกค้าจะให้รายการสินค้าแก่พนักงานซึ่งจะไปที่ร้านเพื่อรวบรวมพวกเขา สิ่งนี้สร้างต้นทุนที่มากขึ้นและราคาก็สูงขึ้น Piggly Wiggly นำเสนอนวัตกรรมในการอนุญาตให้ลูกค้าผ่านร้านค้ารวบรวมสินค้าของตนเองซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและลดราคา การสูญเสียเนื่องจากการขโมยของในร้านที่ง่ายกว่านั้น ได้รับการชดเชยด้วยผลกำไรจากการซื้อที่เพิ่มขึ้น. ========== Into the past : เรื่องราวในวันวาน 5 กันยายน ข่าวที่เกี่ยวข้อง : บอกให้รู้ไว้!! ย้อนตำนาน2ครั้ง ทัพนักเตะสยาม เหยียบผืนหญ้า เวทีโอลิมปิก ซูเปอร์มาร์เก็ตอังกฤษโละสินค้า มะพร้าวไทย ใช้แรงงานลิงเก็บ-ทารุณสัตว์ ข้อมูล : on this day , history
TrueID • 6 ก.ย. 63
อ่าน
รีวิวภาพยนตร์ Once upon a time in Hollywood
ต้องบอกเลยนะครับ ต้องขออนุญาตเล่าเกี่ยวกับตัวภาพยนตร์กันสักนิดนึงก่อน เผื่อว่ามีคนยังไม่รู้จักและได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ Once upon a time in Hollywood เรื่องนี้เป็นที่น่าสนใจตั้งแต่ขั้นตอนการสร้างและหานักแสดงแล้วครับ โดยได้ยอดผู้กำกับอย่าง Quentin Tarantino ขวัญใจคอหนัง แนวอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาปัญญาประเภทหนังของเขาจริง ๆ ผลงานที่มีนั้นหลากหลายมาก จะเรียกได้ว่าหนักไปทาง Action ก็คงจะได้ครับ แต่ก็คงเอกลักษณ์ประจำตัวก็คือการดำเนินเรื่องที่ยากจะคาดเดา บทสนทนาที่คมคาย มุกตลกร้ายเสียดสีสังคม นั่นทำให้เขาขึ้นแท่นหนึ่งในผู้กำกับที่มีชื่อเสียงและฐานแฟนคลับมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ Once upon a time in Hollywood นั้นจะถูกจำกับด้วยชายคนนี้ครับ แต่เพียงแค่นั้นมันก็น่าจะยังไม่พอหรอกครับที่จะทำให้สื่อนั้นจับตามองหนังเรื่องนี้ ตัวหนังยังได้สุดยอดดาราตัวพ่อของวงการฮอลลีวู้ดอย่าง Leonardo DiCaprio และ Brad Pitt เข้ามาร่วมแสดงนำอีกด้วยครับนับเป็นการร่วมงานกันครั้งแรก ไม่ว่าทั้งคู่นั้นจะเคยอยู่ในซิทคอมเรื่องเดียวกันอย่าง growing Pain ในช่วงปี 80 แต่ก็ดันเป็นคนละช่วงเวลาครับ ซึ่งคราวนี้ก็มาแบบจัดเต็มครับ แต่นั่นก็ยังไม่พอ ยังได้ดาราสาวตัวแม่อย่าง Margot Robbie ที่เข้ามาช่วยเพิ่มสีสันเข้าไปอีก หลาย ๆ คนอาจจะรู้จักเธอจากภาพยนตร์ The wolf of wall street หรือบทฮารี่ควีนจากเรื่องซูไซสควอทดูจากตัวอย่างภาพยนตร์ก็รู้ชัดเลยครับ เธอยังสวยไม่สร่างเหมือนเดิม เรียกได้ว่า Once upon a time in Hollywood นั้นคือการเอาสุดยอดของวงการหนังเข้ามาไว้ในหนังเรื่องเดียวจริง ๆ บวกกับการเป็นเรื่องแรกของเควนตินด้วยที่จะใช้เบสออนทรูสตอรี่ เล่นใหญ่ขนาดนี้ทำให้ก่อนที่หนังจะเข้าฉายนั้น สื่อต่างประเทศล้วนหมายมั่นปั้นมือว่านี่แหละว่าที่หนังที่จะคว้า Oscar ของปีนี้ เอาล่ะครับเท่านี้หลาย ๆ คนก็น่าจะรู้แล้วใช่ไหมครับว่าทำไม หนังเรื่องนี้ถึงเป็นที่น่าจับตามอง ขออนุญาตเล่าเรื่องย่อสักนิดนึงแล้วกัน เริ่มต้นด้วยดาราชายวัยกลางคนอย่าง Dalton อดีต Superstar แห่งวงการที่ปัจจุบันนั้นเริ่มจะตกอับแล้ว และ Cliff Booth สตั๊นแมนคู่ใจของเขาที่ร่วมงานกันมานานนม ทั้งคู่พยายามอย่างหนักที่จะกลับไปสู่จุดสูงสุด จากที่พวกเขาเคยเป็นอีกครั้ง Rick นั้นหมดสภาพครับไม่เหลือแม้แต่เค้าเดิมของดาราที่เขาเคยเป็น เขาจะกลับมาได้หรือไม่และเท่านั้นก็ยังไม่พอ Sharon Tate ดาราสาวพราวเสน่ห์ที่กำลังมาแรง ได้กลายมาเป็นเพื่อนบ้านคนใหม่ของเขา Rick นั้นยังไม่รู้ตัวเลยว่าเธอนี่แหละที่จะพาเรื่องราววุ่นวายตามเข้ามาด้วยครับ เล่าแค่นี้แหละครับจริง ๆ แล้วทั้งตัวอย่างรวมถึงข้อมูลที่ปล่อยออกมานั้นแทบจะไม่บอกให้เรารู้เรื่องราวภายในเรื่องเลยครับ มาฟังความรู้สึกหลังดูกันดีกว่า บอกตรง ๆ นะว่าค่อนข้างจะเฉย ๆ หนังดีนะครับแต่เฉย ๆ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นเรามาฟังกันดีกว่า ต้องบอกเลยว่า Once upon a time in Hollywood นี่มัน Hollywood จริง ๆ ครับ เล่นทุกเรื่องราวและเหตุการณ์ในวงการมายาของอเมริกาช่วงปี 60 ครับ โดยจะค่อย ๆ เล่า ค่อย ๆ เล่าจริง ๆ นะครับ และใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมงในการสร้างเรื่องราวเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวงการฮอลลีวู้ดทุกรายละเอียดต่าง ๆ ถูกรังสรรค์ออกมาได้อย่างงดงามและเป็นธรรมชาติเป็นอย่างมากครับ ถึงขนาดที่ชาวอเมริกันต่าง ๆ ที่ได้ดูเนี่ยบอกกันว่า Once upon a time in Hollywood นั้นคือหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวช่วงนั้นออกมาได้ดีที่สุดแล้ว แต่นี่แหละครับคือปัญหาใหญ่ ผมเป็นคนไทยครับแล้วก็เกิดไม่ทันปี 1960 แถมยังไม่ได้อยู่ในอเมริกาอีก ไม่ได้อยู่ใน LA ด้วย นั่นทำให้บรรยากาศนะครับ ทุกอย่างที่หนังพยายามอยากจะสร้างให้เราอินนั้นกลายเป็นศูนย์ทันทีครับ นี่ไม่ใช่หนังภาคต่อที่แค่เราไปดูภาคเก่า ๆ แล้วจะอินกับภาคใหม่ได้เหมือนพวก Star Wars แต่มันต้องใช้ประสบการณ์จริง ๆ และผมคิดว่าคนไทยครับ น้อยคนมากจริง ๆ ที่จะมีประสบการณ์แบบนั้น ตัวหนังดำเนินเรื่องช้ามากครับโดยเน้นเรื่องราวตรงส่วนนี้ค่อนข้างจะเยอะ สำหรับแฟน ๆ ของวงการฮอลลีวู้ดยุค 60 นั้นก็น่าจะฟินพอสมควรแน่นอนครับ ใครที่ไม่อินนี่ก็จะมีง่วง ๆ กันบ้างครับ แล้วก็ต้องบอกตรง ๆ นะครับว่าหนังเนี่ยจะดูเหมือนทำเอาใจชาวอเมริกันเสียมากกว่า สำหรับใครที่ไม่สนใจเรื่องนี้ก็ดูได้นะครับเส้นเรื่องจริง ๆ ค่อนข้างจะดีเลย เพียงแต่จะต้องทำใจครับกับการเล่าเรื่องที่ช้าไปนิดหน่อย จริง ๆ ก็ไม่หน่อยนะครับ เยอะมากด้วยซ้ำ หนังยาว 2 ชั่วโมงกว่า ๆ พี่แกบิวท์อัพไปเกือบชั่วโมงครึ่งครับ อีกทั้งเรื่องที่ถูกนำมาใช้นั้นก็เป็นเรื่องราวที่เกิดในอเมริกา ซึ่งผมว่าคนส่วนใหญ่ก็น่าจะไม่ทราบกัน สำหรับใครที่จะไปดูนะครับ ผมแนะนำให้อ่านประวัติของ Sharon Tate แล้วก็ Charles Manson ไม่งั้นคุณอาจจะงงในบางจุดของเรื่องได้ครับ แล้วจะไม่ได้รับอารมณ์เต็ม ๆ ครับ อย่างที่ผู้กำกับนั้นตั้งใจไว้เพราะมีการเล่นด้านอารมณ์กับเรื่องนี้มาก ๆ ครับ ย้ว่ำาต้องหาข้อมูลก่อนไปดูนะครับ ซึ่งนั่นแหละครับทำให้ผมรู้สึกเฉย ๆ กับ Once Upon a time in Hollywood นั้นไม่ใช่เป็นหนังที่ดูยากแต่อย่างใดนะครับ เพียงแต่จำเป็นต้องใช้ทั้งประสบการณ์และการทำการบ้านก่อนไปดูครับ ซึ่งผมก็บ่นมาเยอะแล้วนะครับ มาดูถึงข้อดีกันบ้างดีกว่า ต้องบอกว่าเรื่องนี้ก็มีข้อดีค่อนข้างเยอะครับ เริ่มจากบทสนทนาอันคมคายสไตล์ Quentin เรื่องนี้ยังมีเอกลักษณ์เหมือนเดิมครับและแก่นแท้หลักของเรื่องที่ถูกเล่าผ่านตัวละครทั้ง 3 คน แต่ละคนนั้นมีชีวิต ช่วงเวลาและฐานะที่แตกต่างกัน หนึ่งคนนั้นจากรุ่งโรจน์กลายมาเป็นอยู่ในช่วงขาลง อีกคนนั้นพอใจกับชีวิตสมถะ ส่วนอีกคนนั้นกำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรือง เราจะได้เห็นถึงความแตกต่างเหล่านี้มาผสมในเรื่องกันได้อย่างกลมกล่อมและส่วนที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็คือ นักแสดงครับ สมกับการที่นำสุดยอดของวงการฮอลลีวูดนั้นมาอยู่ในเรื่องเดียวกันจริง ๆ Leonardo DiCaprio นั้นทั้งโดดเด่น หลากหลาย การรับบทเป็นนักแสดงในเรื่องทำให้เขาได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ มีฉากที่ดูแล้วขนลุกเหมือนกันครับ อีก 2 คนที่เหลือก็ไม่แพ้กัน แม้อาจจะน้อยกว่าสักหน่อย Brad Pitt ในเรื่องนี้เนี่ยมาแบบมาดนิ่ง ๆ แต่เท่ห์ที่สุดครับ ทุกซีนที่เฮียแกโผล่มานะครับ ดึงดูดสายตาได้จริง ๆ ยิ่งเวลาเข้าฉากคู่กับ Leonardo DiCaprio นั้นเด่นไม่แพ้กันเลยครับ แถมเข้ากันได้ดีอีกต่างหาก ด้าน Margot Robbie นั้นยังคงความสดใสตามแบบฉบับ ช่วยทำให้เราหลงรักตัวละครนี้ไม่ยากเลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะมีผลครับเมื่อเรื่องดำเนินไปถึงช่วงสุดท้ายของหนัง สรุปแล้วกันนะครับหนังดีครับแต่ไม่เหมาะกับทุกคนจริง ๆ ด้วยความยาวของหนังมากกว่า 160 นาที ถ้าคุณไม่อินกับบรรยากาศของเรื่อง ผมบอกเลยครับง่วงแน่นอนและสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบดูหนังที่พูดกันเยอะๆใช้บทสนทนามาดำเนินเรื่องก็คงจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้เช่นกันเพราะกว่าจะเข้า Climax ครับก็ช่วง 30 นาทีท้ายของเรื่องแล้วแต่ผมบอกได้เลยว่า 30 นาทีสุดท้ายก็เป็นอะไรที่ดุเดือด ระทึกพอสมควรเลยและก็คาดเดาได้ยากมากเช่นกันครับ แต่ที่สำคัญก็คือคุณต้องรู้เรื่องราวของ Sharon Tate และ Charles Manson มาก่อนนะครับ อันนี้ย้ำโต ๆ เลย ให้คะแนนเรื่องนี้ที่ 7 เต็ม 10 แล้วกันครับ หนังดีครับแต่ไม่เหมาะกับทุกคนแน่นอน ใครเป็นคอหนังที่ไม่ได้ฮาร์ดคอร์มากนัก อาจจะมีปัญหากับมันได้แต่ถ้าคุณชอบหนังสไตล์ Quentin หลงรักวงการฮอลลีวู้ด Once upon a time in Hollywood อาจจะเป็นหนังเรื่องแรกและเรื่องเดียวครับที่คิดว่าเขาจะแสดงด้วยกันขอขอบคุณภาพประกอบทั้งหมดจาก Official Trailer Youtube
Taechin Buadaengdee • 17 มิ.ย. 63
อ่าน
ว่านไฉ-แอนAF ชวนดูซีรี่ย์ดังระดับโลก ONCE UPON A TIME IN WONDERLAND ทางช่อง TRUE4U
คอซีรี่ส์แนวแฟนตาซีทั้งหลายเตรียมเฮกันได้เลย เพราะว่า TRUE4U เตรียมนำเอาซีรี่ย์ดังระดับโลกอย่าง ONCE UPON A TIME IN WONDERLAND หรือ กาลครั้งหนึ่ง ณ ดินแดนมหัศจรรย์ มาลงจอฉายให้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม ทุกคืนวันจันทร์และอังคาร เวลา 22.15 น. เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคมนี้แล้ว โดย 2 พิธีกรคนเก่งอย่าง ว่านไฉ อคิร และ แอน ณัฏฐ์ณัชชา จะมานั่งพูดคุย แนะนำ บอกเล่าความสนุกสนานและยิ่งใหญ่อลังการของซีรี่ส์ชุดนี้ให้คุณได้ชมก่อนใคร ในรายการ ONCE UPON A TIME SPECIAL PREVIEW วันอังคารที่ 19 พฤษภาคมนี้ เวลา 22.15 น. ทางช่อง ทรูโฟร์ยู ดิจิตอล ฟรีทีวี ให้คุณมากกว่าความบันเทิง ชมทีวีออนไลน์ช่องทรูโฟร์ยู ดิจิตอล ฟรีทีวี แบบสดๆ ได้ที่นี่ ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง Facebook.com/TVSociety
ข่าวละคร • 19 พ.ค. 58
อ่าน
Once Upon a Time in Hollywood ความรุนแรง ของอเมริกันชน
เครดิตภาพปก : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ Quentin Tarantino ****มีการพูดถึงเนื้อหาสำคัญในเรื่อง Once Upon a Time in Hollywood **** ในฐานะภาพยนตร์ที่สร้างขึ้น โดยเป็นการเล่าเรื่อง ในคืนที่เกิดเหตุการณ์ ฆาตกรรม บนถนน Cielo Drive ตัวเรื่อง Once Upon a Time in Hollywood ของ Quentin Tarantino ในช่วงสุดท้าย ของตอนจบ ของหนัง ก็จบลงด้วย ความรุนแรง แต่มันก็เริ่มต้นเรื่องด้วย โฆษณา สำหรับรายการทีวี ที่ชื่อว่า Bounty Law ซึ่งเป็น ซีรีย์ตะวันตก เกี่ยวกับ มือปืนรับจ้าง ที่ได้รับหน้าที่ ล่าค่าหัวบุคคลที่อันตราย โดยจะต้องจับเป็นหรือตาย ซึ่งในจักรวาลของ Bounty Law คุณค่าของชีวิตมนุษย์ไม่ได้เป็นเรื่องของปรัชญาหรือนามธรรม มันเป็นเรื่องของมูลค่าทางการเงินล้วนๆ โดยที่ Jake Cahill จะไม่ตั้งคำถามใดๆ ยกเว้นว่า เขาจะได้รับค่าหัว 500$ ทุกๆครั้ง ที่นำศพไปส่งได้ที่ไหน แน่นอนว่า Jake Cahill ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง ส่วนนักแสดง ที่แสดงเป็นเขาในเรื่องชื่อว่า Rick Dalton (รับบทโดย Leonardo DiCaprio) แต่อย่างลืมนี่เป็นภาพยนตร์ Quentin Tarantino มันคงไม่จบแค่นั้น Rick Dalton มีสตั๊นแมนคู่ใจ ในภาพยนตร์ของเขา เป็นผู้ช่วยที่ชื่อว่า Cliff Booth (รับบทโดย Brad Pitt) Rick อธิบายงานให้กับผู้สัมภาษณ์ เรื่องหน้าที่ของ Cliff คือ “ช่วยแบกสัมภาระ” แต่จริงๆแล้วมันเป็นหน้าที่อันหนักอึ่ง และได้รับเงิน ค่าตอบแทน น้อยกว่า คนขนของ ของคนอื่นที่ถึงสองเท่า หลังจากการเปิดตัวด้วย Bounty Law ตัวภาพยนตร์ จะกระโดดจากโทนสีขาวและดำ ไปเป็นสีจอกว้างและ แสดงให้เห็นบรรยากาศ จากช่วงทศวรรษ 1950 ถึงปลาย 1960 โดยเป็นช่วงเวลา 6 เดือน ก่อนจะถึงวันก่อนการเกิดเหตุฆาตกรรม บนถนน Cielo Drive ซึ่ง ณ ขณะนั้น Rick อาศัยอยู่ในบ้านใน Hollywood Hills และเขาได้มีเพื่อนบ้านใหม่ เป็นคู่สมรส ที่คาดหวังว่าจะมีลูกคนแรก โดยชื่อของพวกเขาคือ Roman Polanski และ Sharon Tate โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนตัวหนังได้ทำเหตุการณ์ นั้นออกมาให้เราได้รับชมในช่วงตอนท้ายของเรื่อง Quentin Tarantino ได้มีการสร้างลอสแองเจลิส ขึ้นมาใหม่อย่างละเอียด ตั้งแต่โฆษณาทางวิทยุ โบราณไปจนถึง การห่อกล่อง แครกเกอร์ เป็นการแสดงความรักต่อทั้งเมือง และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์และตัว Tarantino เองด้วย แต่จังหวะของภาพยนตร์ ที่ดูอึกทึกครึกโครม ก็รู้สึกเหมือนพยายามที่จะหลีกเลี่ยง ไม่ให้คนดู เห็นสิ่งเหล่านั้น นักวิจารณ์ของ Tarantino บางคนกล่าวว่า เขาพยายามที่จะหวนกลับนาฬิกากลับสู่อดีต แต่วิสัยทัศน์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้เรื่องราวในอดีตนั้นเสียไป เพราะ ความคิดที่เป็นอนาคตของTarantino เองเครดิตภาพ : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/ การคุกคามของความรุนแรงเกิดขึ้นตลอดใน Once Upon a Time in Hollywood แม้ว่าบ่อยครั้งมันจะบางเบา และยากที่จะมองเห็น แต่ในครั้งนี้เราจะพาย้อนกลับไปยังสถานที่ ที่เป็นจุดพักแขกของ Rick ที่จะต้องถ่ายทำ ภาพยนตร์เรื่อง The Green Hornet ที่มี Bruce Lee รวมแสดง ซึ่งณ ตอนนั้นเขา กำลังพูดคุยกับผู้ชมที่กองถ่าย เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง การต่อสู้แบบผาดโผน และ "การต่อสู้ที่แท้จริง" ที่เขาเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า นักรบยังคงต่อสู้สุดลมหายใจจนกว่าจะตาย แม้ในฉากที่อ่อนโยน และสง่างามที่สุด ในช่วงต้นทศวรรษ ที่ฮอลลีวูด ภาพยนต์มักจะไม่มีความรุนแรง มักจะไม่มีเลือดและเป็นนามธรรม ให้ได้เห็น แต่ว่าผู้ชาย อย่าง Jake Cahill กลับได้จับปืน ไล่ยิงคนลงบน Bounty Law เพียงแค่ตัวร้ายหยิบปืน ศพของพวกเขา ก็ได้ลงไปแนบกับพื้น แต่พอในปี 1969 เมื่อ Once Upon a Time in Hollywood ไม่มีจุดใดที่จะใช้ซ่อนความจริง ของสงครามเวียดนามได้ ทางภาพยนตร์ จึงนำเสนอเรื่องของ สงครามที่เข้ามาเกี่ยวโยงกับประเทศ ในห้องนั่งเล่นของชาวอเมริกันและ ความบันเทิงยอดนิยมต้องเปลี่ยน ทั้งนี้ ก็เพื่อสะท้อนให้เห็นถึง สงคราม และ เพื่อแข่งขัน Bonnie and Clyde ปี 1967 เป็นช่วงที่เป็นจุดสุดยอด ด้วยการที่มีฮีโร่ที่โดนยิงจนตายอย่างหวาดน่ากลัว และเสริมไปด้วยรายละเอียด ที่น่าตื่นเต้น แอบแฝงไปในความบันเทิง แม้กระทั่งสองปีก่อนหน้านั้น จากตอนของ The F.B.I ตัวของ Quentin Tarantino ได้แทรกจุดสำคัญของภาพยนตร์ เป็นการที่สามารถจะฉายฉาก นองเลือดโปรยปราย จากปืนลูกซองที่ระเบิด ได้บนหน้าจอทีวีเครดิตภาพ : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/ พวกฮิปปี้ที่ hitchhiker (รับบทโดย Margaret Qualley) ซึ่ง Cliff พาขึ้นมาบนรถ ในระหว่างทางไป Spahn Ranch เธอบ่นว่า นักแสดงในทีวีนั้น เป็นของปลอม เพราะพวกเขาแสร้งทำเป็นตาย ในขณะที่ทหาร ที่แท้จริงถูกฆ่าตายทุกวัน แต่ Cliff แม้จะทำหน้าที่เป็นสตั๊นคู่กับ Rick เขาก็มีข่าวลือ อย่างกว้างขวาง ว่าเขานั้นสังหาร ภรรยาของเขาเอง แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ได้ยืนยัน ว่าเขาทำจริงหรือไม่ แต่อย่างใดเขาก็ได้เฉลยไว้ว่า เขาเคยหักขากรรไกร ของตำรวจใน รัฐเท็กซัส ตัวหนังไม่เคยได้พูดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องในสงครามโลกครั้งที่ 2 ของเขามากนัก และแต่เราสามารถจินตนาการได้ จากสิ่งที่เหลือไว้บนตัวเขาด้วยรอยแผลเป็น บนหลังของเขา แต่เรากลับมองเห็นว่า Rick แสดงความกล้าหาญ ในช่วงสงคราม โดยใช้เครื่องพ่นไฟเพื่อพ่นกลุ่มนาซี (อย่างน้อยการแสดงความสามารถเขาทำเอง)เครดิตภาพ : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/ ฉากนั้นจงใจเรียกจุดสิ้นสุดของ Inglourious Basterds ของทารันติโนซึ่งจบลงด้วยโรงละคร ที่เต็มไปด้วยพวกนาซีรวมถึงอดอล์ฟฮิตเลอร์ซึ่งประสบกับความตาย และมันชี้ให้เราเห็นถึงแม้ว่า ผู้ชมครั้งแรก อาจไม่ทราบในทิศทางสิ้นสุดของภาพยนต์ เรื่อง Once Upon a Time in Hollywood มันเป็นการเขียนประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ที่น่าเกรงขาม และรุนแรง ช่วงสิ้นสุดของ Once Upon a Time in Hollywood ที่ได้พูดถึง คดีของ the night of the Manson murders ตัวหนังเริ่มจาก การที่มี ผู้ติดตามของ แมนสัน ได้แก่ เท็กซ์ วัตสัน, ซูซาน แอตกินส์ และ แพทริเซีย เครวินเคล ทั้งสามเริ่มต้น โดยการถูก Rick Dalton สั่งให้พวกฮิปปี้สกปรก ออกไปสูบบุหรี่ ไกลจากหมู่บ้าน ของเขา ออกจาก ถนนส่วนตัวของเขา โดยทั้งสาม ก็จากมาโดยดี แล้วพวกเขาก็ได้จัดกลุ่มใหม่ ที่ด้านล่างของเนินเขา ซึ่งเมื่อนึกได้ว่า ชายในเสื้อคลุมผ้าไหมโบกเหยือกน้ำแข็งมาร์การิต้าแช่แข็ง ที่มาด่าทอใส่พวกเขา คือ Jake Cahill และ ชั่วครู่แผนการสังหารของพวกเขา ก็ได้เปลี่ยนไป ด้วยการที่ทั้ง 3 เติบโตมากับ Bounty Law ทั้ง 3 จึงเปลี่ยนแปลงแผนการในครั้งนั้น ซึ่งฉากที่ตามมา ในหนังของทารันติโน่ นั้นไม่เหมือนกับเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เพราะในความจริงไม่ได้มีเพียงแค่ความรุนแรง แต่รวมไปถึงความอัปลักษณ์ ซึ่งในภาพยนตร์ แสดงให้เห็นแค่เพียงความโหดเหี้ยม ของการตอบสนองของคลิฟต่อการบุกรุกของฆาตกร ด้วยการกระทำที่เป็นไปอย่าง น่าตกใจ เมื่อสุนัขของ Cliff กัดลงบนเป้าของ Tex มันแสดงให้เห็นถึงความทรมาณอย่างสุดแสนจะสาหัส แต่เมื่อสุนัขตัวนั้นกระโดดเข้างับ Atkins แล้วเกิดอาการร้องเสียงหลง หลังจากที่จมูกของเธอถูกกระแทกด้วยอาหารกระป๋องสุนัข ที่ถูก Cliff โยนทิ้งใส่ และ สุนัขของ Cliff ลากร่างกายของเธอ ออกไป สิ่งที่น่ากลัวคือฟันเหล่านั้นของสุนัข ที่อาจจะทำกับเนื้อของเธอ ส่วน Krenwinkel ซึ่งใบหน้าถูกบาดไปด้วยกระจกที่ได้แตกกระจายบนพื้น เครื่องรับโทรศัพท์ โปสเตอร์ของภาพยนตร์เก่าของ Rick ที่เคยแสดง รวมถึงหิ้งเตาผิง ทั้งหมดถูกกระทบ ลงบนใบหน้าของ Krenwinkel ด้วยฝีมือของ Cliff จนกระทั่งไม่มีอะไรเหลือให้ Cliff ได้ลงมือแสดงความรุนแรงอีก และในขณะเดียวกันนั้น Rick Dalton ก็ไม่ได้ล่วงรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในบ้านของตนเลยแม้แต่น้อยกลับ นอนลอยอยู่ในสระน้ำของตนเองอย่างสบายใจ เรื่องก็ตัดไปถึงฉากขณะที่รถพยาบาลพา Cliff ที่บาดเจ็บจากการโดนแทงสีข้างออกไป และริกถึงแม้ว่าจะงงงวยอยู่ ดูเหมือนจะไม่เจ็บปวดอะไรแต่อย่างใด โดยเฉพาะเมื่อเสียงของ ชารอน เทต ลอยผ่านเครื่องตอบรับทางประตูบ้านหลังถัดไป พูดคุยผ่านอินเทอร์คอมเพื่อถามว่าทุกคนโอเคหรือไม่เครดิตภาพ : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/ ภาพยนตร์ ทั้ง 4 เรื่อง ที่ผ่านมา ของ Quentin Tarantinoล้วนต่าง เกี่ยวข้อง กับ อดีตของ ชนชาว อเมริกัน และพวกเขา ได้ข้อสรุปเช่นเดียวกันก็คือ นี่คือประเทศ ที่เต็มไปด้วยการนองเลือด และ สร้างขึ้นจาก ความไม่พอใจ และ ภาพยนตร์ แม้จะมีแนวคิด โรแมนติก ของผู้ชม ทำงานเพื่อเพิ่มความอยากอาหาร สำหรับ Cliff และRick แม้ Once Upon a Time in Hollywood แม้จะเล่าเรื่องของในยุค 60s แต่ก็แฝง เรื่องราวของผู้คนในยุคนั้นให้เห็นได้ชัด เช่น Rick ชอบการเหยียดเชื้อชาติ หรือ รวมทั้งเรื่องการเกลียดสิ่งสกปรกบนเท้าของ ชารอนเทต เรื่องราว การฆาตกรรม Cielo Drive ยังไม่สิ้นสุดแค่ในยุคนั้น ฆาตกร Manson ไม่เพียงแค่ดึงเอาแรงบันดาลใจ จากรายการทีวีเก่า ๆ แต่พวกเขาได้รับมันจาก Cliff ซึ่งการที่เขาไปเยือน Spahn Ranch จบลงด้วยการที่เขาชกคนฮิปปี้ให้หน้าซีดก้นทรุดพื้น ในขณะที่ฮิปปี้คนนั้นล้มลงพื้น และเลือดไหลหนืด ลงบนพื้นดินอย่างช้าๆ ก็มีฝูงชนรวมตัวกันเพื่อดูเหตุการณ์ อยู่ตรงนั้น และด้านหน้าของฝูงชน คือ Susan Atkinsและ Patricia Krenwinkel Once Upon a Time in Hollywood ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เราเห็นถึง การนองเลือดครั้งแรก ของเหตุการณ์ฆาตกรรม Cielo Drive และแสดงให้เห็นถึงความจริง ขอเพียงผู้ชมต้องตามให้ทันเครดิตภาพ : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/
Kuribon • 8 เม.ย. 63
อ่าน
“สามพันโบก” first time ความงดงามแห่งอีสานใต้ แถมยังได้ภาพถ่ายทางช้างเผือกแบบบังเอิญ
“สามพันโบก” หรือที่ใครหลายคนอาจรู้จักกันในชื่อเสียงติดหูว่า "แกรนด์แคนยอนเมืองไทย" ที่มีลักษณะเป็นแก่งหินขนาดใหญ่คล้ายกับ Grand Canyon ที่รัฐ Arizona สหรัฐอเมริกา แต่เมื่อเทียบกับขนาดและความยิ่งใหญ่อาจเทียบสู้ที่นั่นไม่ได้ แต่ต้องบอกว่าความงดงามของแก่งหินที่สามพันโบก คงสวยงามไม่แพ้กัน สำหรับใครที่ชื่นชอบธรรมชาติ และรักการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ ขอแนะนำว่าคุณต้องเดินทางไปที่ "สามพันโบก" ให้ได้สักครั้งในชีวิต สามพันโบก ความงดงามแห่งอีสานใต้ที่คุณต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต แล้วชื่อที่เรียกว่า “สามพันโบก” มีที่มาที่ไปยังไง จริง ๆ เราก็ยังไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้เดา คิดว่าคงเป็นเพราะที่สามพันโบกเป็นแก่งหินที่เกิดขึ้นอยู่ใต้ลำน้ำโขง และเกิดจากแรงน้ำวนกัดเซาะจนกลายมาเป็นแอ่งที่มากกว่า 3,000 จุดในบริเวณนั้นจากที่ได้ศึกษามา เราเลยคิดว่า อ้อ! เพราะอย่างงี้นี่เอง ถึงเป็นที่มาของคำว่า “สามพัน” อ้าว! แล้ว “โบก” ล่ะมาจากไหน? สรุปไปค้นคว้าหามาจนได้ด้วยความสงสัยจึงพบว่า คำว่า “โบก” แปลว่าแอ่งที่มาจากภาษาลาวนั่นเอง สถานที่แห่งนี้จึงมีชื่อเรียกรวมกันที่ว่า “สามพันโบก” ส่วนที่เป็น highlight แบบบังเอิญกับการได้มาที่สามพันโบก คงต้องบอกว่าเป็นความบังเอิญที่โชคดีมาก ๆ นั่นก็คือ การได้มาถ่ายภาพทางช้างเผือกแบบไม่ได้ตั้งใจ ทีแรกกะจะมาที่นี่ช่วงเย็น ๆ ถ่ายแค่ช่วงพระอาทิตย์ตกแล้วก็กลับ แต่ด้วยความที่เราเจอช่างภาพแบบมืออาชีพเยอะมาก เค้าบอกว่าคืนนี้พวกเค้าจะตั้งหน้าตั้งตารอถ่ายภาพดวงดาว และทางช้างเผือก เราเลยพลาดไม่ได้ที่จะกลับมาถ่ายช่วงดึก ๆ อีกครั้ง ซึ่งถือเป็นความโชคดีมาก ๆ เลยแหล่ะ แต่ต้องบอกว่าตัวเราเองก็ไม่ใช่ช่างภาพมือโปรนะ ไปดูภาพกัน สำหรับใครที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ใกล้ถึงฤดูกาลล่าทางช้างเผือกกันแล้ว พระอาทิตย์เริ่มขึ้น ก็ได้เวลาเดินทางกลับบ้าน อันที่จริงแล้วที่สามพันโบกยังมีจุดเด่น ๆ ที่น่าถ่ายรูปอีกมาก เช่น แอ่งที่กลายร่างจากการกัดเซาะ มาเป็นรูปหูของมิกกี้เม้าส์ และแอ่งรูปคล้ายหัวใจ แต่ด้วยความที่เดินหาไม่ไหว แล้วก็ใกล้ค่ำจึงทำให้หาไม่เจอ ที่เหลือก็อาจจะขึ้นอยู่กับคุณแล้วแหละ ว่าถ้ามีโอกาสได้เดินทางไปสามพันโบกสักครั้ง คุณจะต้องหาให้เจอ และถ่ายกลับมาอวดเพื่อนให้ได้ ที่ตั้ง : บ้านโป่งเป้า ตำบลเหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี การเดินทาง : - เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว สามารถขับรถตามเส้นทางหลวงหมายเลข 2050 หรือเปิด Google Maps - เดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง หรือรถทัวร์ปรับอากาศ บริษัท เชิดชัยทัวร์ กรุงเทพฯ - สองคอน - เดินทางด้วยเครื่องบินสายการบินต่าง ๆ ไปลงที่จังหวัดอุบลราชธานี และเช่ารถขับไปก็สะดวกเช่นกัน ภาพทั้งหมดโดย : MW อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !
MW • 4 ก.พ. 64
อ่าน
รีวิวหนัง A Time to Kill - หลั่งเลือดพิพากษา
A Time to Kill หรือชื่อไทยว่า หลั่งเลือดพิพากษา คือภาพยนตร์ดราม่า อาชญากรรม กฎหมาย ที่สะท้อนถึงความอยุติธรรมทางสังคม ปัญหาการเหยียดสีผิว และการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ John Grisham และกำกับโดย Joel Schumacherเนื้อเรื่องย่อในเมืองแคลตัน รัฐมิสซิสซิปปี เด็กหญิงผิวดำวัย 10 ขวบ ชื่อ Tonya Hailey ถูกข่มขืนและทำร้ายร่างกายอย่างทารุณโดยสองเด็กหนุ่มผิวขาว Carl Lee Hailey พ่อของ Tonya เผชิญกับความโกรธแค้นและความสิ้นหวัง เขาตัดสินใจล้างแค้นให้ลูกสาวด้วยการบุกเข้าไปในศาลและยิงสองผู้ร้ายต่อหน้าสาธารณชนCarl Lee ถูกจับกุมและถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม Jake Brigance ทนายความผิวขาวที่มีอุดมการณ์และไม่กลัวการต่อสู้รับหน้าที่เป็นทนายความให้ Carl Lee เขาต้องเผชิญหน้ากับอัยการเขตท้องถิ่นที่มีอำนาจและความคิดเห็นแบบแบ่งแยกสีผิว รวมทั้งความเกลียดชังและทัศนคติแบบอนุรักษนิยมของคนในเมืองข้อมูลประเภท: ดราม่า, อาชญากรรม, กฎหมายนำแสดงโดย: Samuel L. Jackson, Matthew McConaughey, Sandra Bullock, Kevin Spaceyผู้กำกับ: Joel Schumacherความยาว: 149 นาทีตัวอย่างหนังhttps://www.youtube.com/watch?v=701GQjY6PaIความรู้สึกหลังดูเหตุการณ์ตอนขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นอะไรที่ลุ้นและจับใจคนดูอย่างผมมาก นอกจากนี้เหตุการณ์ที่อยู่นอกศาล ยังทำให้ออกมาได้น่าติดตามและลุ้นเช่นกัน ด้วยประเด็นของกลุ่ม KKK (Ku Klux Klan) กลุ่มหัวรุนแรงที่ยกย่องคนผิวขาวเหนือกว่าคนผิวสีอื่นๆA Time to Kill เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อเดียวกันของ John Grisham ซึ่งผมเท่าที่ได้ไปหาข้อมูลมา ตัวหนังทำออกมาแตกต่างกับตัวของนิยาย ทั้งฉากชิงไหวชิงพริบ ฉากซักค้านของแต่ละฝ่าย ทำเอาอยากลองหานิยายมาอ่านเลยความรู้สึกของคนเป็นพ่อผู้ที่ลูกสาวถูกทำร้ายและโดนข่มขืนได้ Samuel L. Jackson ถ่ายทอดออกมาอย่างเข้มข้น ด้วยความรักที่มีต่อลูกสาว ความโกรธที่มีต่อชายผิวขาวทั้งสองนั้น เป็นตัวจุดขนวนในเรื่องราวทั้งหมด ของ A Time to Killอีกทั้งการแสดงจากนักแสดงมากความสามารถอย่าง Matthew McConaughey ในตอนที่สู้กันในศาลเป็นอะไรที่ซื้อใจผมมาก ทุกคำพูดที่พ้นออกมา ล้วนแล้วจะสื่อเป็นนัยว่า “มนุษย์ทุกคนเราเท่ากัน ไม่ว่าจะมีสีผิวแบบไหน” ในอีกด้านหนึ่งประเด็นความเชื่อของกลุ่ม KKK ที่ยกย่อง “คนผิวขาวเป็นใหญ่เหนือคนทุกผิวนั้น” ยังเป็นความเชื่อที่ถูกเก็บซ่อนไว้ของคนผิวขาวบางส่วน เช่นเดียวกับบรรดาคนผิวขาวในเรื่อง A Time to Kill ซึ่งทำให้หนังเรื่องนี้สร้างอิมแพ็คและเข้าถึงใจคนดูอย่างมากโดยสรุปแล้วสำหรับใครที่ชอบฉากต่อสู้กันในศาล ชิงไหวชิงพริบกัน ผมว่าคุณน่าจะสนุกกับ A Time to Kill ได้ไม่ยาก เช่นเดียวกันหนัง A few good man ที่ผมได้เคยรีวิวไปฉากที่ประทับใจผมชอบฉากพูดของ Matthew McConaughey ในตอนขึ้นศาลมาก ซึ่งผมจะยกมาบางประโยค“ผมขอให้ท่านหลับตา แล้วลองนึกถึงเด็กสาววัยสิบขวบ ถูกชายวัยกลางคนสองรุมทำร้ายและข่มขืน แล้วพยายามแขวนคอเธอบนกิ่งไม้ แต่กิ่งไม้ดันหักไปก่อน จากนั้นจึงมัดเธอกับรถ แล้วลากเธอไปบนท้องถนน และถ้านั้นเกิดขึ้นกับเด็กสาวผิวขาวล่ะ?”เครดิตภาพA Time to Kill : ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3Warner Bros. : ตัวอย่างหนังบทความที่น่าสนใจรีวิวหนัง The Social Network - เปิดประวัติ Mark Zuckerberg กว่าจะเป็น Facebook ในวันนี้รีวิวหนัง The Sixth Sense (1999) - เมื่อเด็กวัย 9 ขวบ เห็นผี ความน่ากลัวจึงเริ่มต้นรีวิวหนัง Dead poet society - สุดยอดหนังดีของคนค้นหาตัวเองรีวิวหนัง Get out (2017) - ลวงร่างจิตหลอนรีวิวหนัง Us (2019) - หลอน ลวง เรารีวิวหนัง Mud - คนคลั่งบาป (2012)รีวิวหนัง The Departed - ภารกิจโหด (2016)รีวิวหนัง 12 Monkeys (1995) - หนังย้อนเวลาสุดล้ำจากยุค 90รีวิวหนัง Steve Jobs (2015) - มุมมืดของศาสดา Apple ที่ไม่มีใครพูดถึงรีวิวหนัง Seven (1995) - เมื่อคู่นักสืบตามล่าฆาตกรต่อเนื่อง ตอนจบพีคมากกคอมมูนิตี้ “โลกคนรักหนัง” ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน
คุณบูท • 25 ธ.ค. 66
อ่าน
No Time To Die เจมส์บอนด์ภาคสุดท้ายของ แดเนียล เคร็ก
ความรู้สึกหลังดู เจมส์บอนด์ภาค No Time To Dieสิ่งแรกที่อยากจะพูดถึง คือความเท่ครับ อาจจะแปลกที่ผมเลือกจะพูดถึงสิ่งที่ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเท่ แต่ว่าNo Time To Die ค่อนข้างจะเหนือกว่าภาคอื่น ที่เคยมีมา ทั้งฉากแอ็คชั่น และไม่แอ็คชั่น ระหว่างที่ดูรู้สึก wow เยอะมากๆ อาจจะฟังดูโอเวอร์ คุณจะต้องลองไปดูด้วยตัวคุณเองภาพจาก007/007.com ในด้านการแอ็คชั่นนั้นทำออกมาได้อยากสร้างสรรค์ โลเคชั่นที่เลือกมาอยากดี การออกแบบการต่อสู้บวกกับมุมกล้องอันยอดเยี่ยม เราจะเห็นฉากแอ็คชั่นลองเทคอยู่2-3ฉาก ผมบอกเลยครับมันตราตึงใจมากจริงๆภาพจาก007/007.comภาคนี้ในความรู้สึกผมมันมีอะไรแต่ต่างจากภาคอื่น มันมีทั้งอารมณ์ขัน มันมีทั้งความเลือดเย็น ถึง2สิ่งนี้มันจะตรงข้ามกัน แต่No Time To Dieนั้นทำออกมาได้อย่างกลมกลืนกัน และลื่นไหล ไม่มีช่วงไหนเลยที่เป็นฉากพระเอกไล่ยิงกับตัวร้าย มันทั้งตื่นเต้นเร้าใจตลอดเวลาจริงๆครับ ส่วนเนื้อเรื่องของ No Time To Die ต้องบอกว่าคุณจะไม่เคยเห็นเจมส์บอนด์ในรูปแบบนี้มาก่อนในภาคนี้เขาจะแตกต่างไปเลย ไม่ได้เป็นแค่สุดยอดสายลับแต่เป็น ต้นแบบของสุภาพบุรุษตลอดเวลา เราจะได้เห็นเขาในมุมที่เค้าอ่อนไหว ได้เห็นเค้าเศร้าเสียใจ อารมณ์ที่มากกว่าภาคอื่นๆ ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนสัตว์ที่ถูกทำร้ายจนมันยากเหลือเกินที่จะเชื่อใจใครง่ายๆ นั้นคือคาแรคเตอร์ของเจมส์บอนด์ในภาคนี้ครับ และการที่ตัวละครนี้มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น มันก็เป็นการแหกขนบธรรมเนียมเก่าของเจมส์บอนด์ที่เคยทำมา ด้วยทุกอย่างมันจึงทำให้ดูสดใหม่ภาพจาก007/007.comส่วนที่ผมชอบที่สุดของเรื่อง คือความสัมพันธ์ของตัวละคร ที่ในครั้งนี้ เจมส์บอนด์ได้รู้แล้วว่าไม่ได้มีแค่ชีวิตของตัวเองเท่านั้นที่จะสูนเสียยังมีคนรักของเค้ายังมีคนรอบตัวที่เค้าอาจจะเสียมันไปถ้าเค้าทำพลาดในภาระกิจครั้งนี้ สิ่งนี้ทำให้ฉากแอ็คชั่นมันหนักแน่นมากขึ้น แล้วก็แต่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่แตกต่างไปจากภาคอื่นของเค้า ชมมาขนาดนี้แต่ก็มีในสิ่งที่ไม่ชอบเท่าไหร่ คือตัวร้ายของภาคนี้ที่ค่อนข้างจะมีบทน้อยไปหน่อย แต่ก็ต้องทำความเข้าใจว่าต้องแบ่งเวลาไปเล่าเรื่องอื่นๆที่สำคัญกว่าภาพจาก007/007.com ช่วงเวลา2ชั่วโมงกว่าๆที่นั่งดู บอกเลยว่ามันคุ้มค่ามากๆ และอีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะพูดถึง คือสาวบอนด์ต่างๆในภาคนี้สวยมากจริงๆ เพลงประกอบหนังก็เพิ่มอรรถรสให้กับหนังเรื่องนี้ สำหรับเรื่องนี้ ถ้าคนที่ยังไม่เคยดูภาคเก่า สำหรับผมก็ดูได้แต่อาจจะงงๆนิดนึง แต่คนที่เคยดูภาคเก่าๆจะอินกว่าเจมส์บอนด์ภาคนี้สำหรับผม คือเจมส์บอนด์ที่ดีที่สุดในทุกภาคที่เคยมีมา และผมก็คิดว่าพวกคุณก็คิดเหมือนผม ผมให้10/10เลยสำหรับหนังเรื่องนี้ขอบคุณภาพทั้งหมดจาก https://www.007.com/จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !
เป็ดคุมโลก • 11 ต.ค. 64
อ่าน
รีวิว Time to Hunt “ถึงเวลาล่า” | หนังเน็ตฟลิกซ์
Time to Hunt “ถึงเวลาล่า” เป็นหนังเกาหลีจากทางเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเป็นเรื่องราวของกีฮุน (รับบทโดย Woo-sik Choi) กับจางโฮ (รับบทโดย Jae-hong Ahn) อดีตโจรที่ชีวิตของทั้งคู่กำลังตกอับเนื่องด้วยพิษเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในเกาหลีทำให้พวกเขาแทบจะไม่เหลือเงินให้ใช้ ถึงแม้จะจนทั้งคู่ก็ไม่คิดจะกลับไปเป็นโจรอย่างเก่า เรื่องราวทั้งหมดชองหนังเรื่องนี้เริ่มขึ้นเมื่อจุนซอก (รับบทโดย Lee Jehoon) เพื่อนอีกคนของทั้งคู่ถึงกำหนดการปล่อยตัวหลังจากถูกจำคุกมานาน 3 ปี แต่พอออกจากคุกมาได้ประมาณ 2 วัน จุนซอกเห็นว่าเขาและเพื่อนๆ กำลังถังแตก เขาก็เลยชวนเพื่อนๆ คิดวางแผนไปปล้นบ่อนนอกกฎหมายเพื่อที่จะได้เงินมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สดใส แต่ความคิดเห็นของทั้งสามไม่ตรงกันก็เลยตกลงกันไม่ได้ หลังจากที่เถียงกันอยู่สักพักทั้งสามก็ตกลงปลงใจออกปล้นในครั้งนี้ และนอกจากนั้นพวกเขาก็ได้บังคับซางซู (รับบทโดย Jung-min Park) มาเข้าพวกอีกคนเนื่องจากซางซูติดหนี้จุนซอกอยู่และเขาก็เป็นพนักงานอยู่ที่บ่อนที่จะไปปล้นด้วย ซางซูก็เลยมีประโยชน์กับพวกเขามาก ในที่สุดพวกเขาก็รวมทีมออกปล้นได้สำเร็จมันจึงเป็นจุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้ ตัวหนังเป็นหนังวางแผนการปล้นที่น่าสนใจเลยทีเดียวกับแนวคิดที่ว่าปล้นบ่อนนอกกฎหมายน่าจะเป็นอะไรที่ปลอดภัยจากตำรวจมากที่สุด การเดินเรื่องของหนังในช่วงนี้สนุกพอตัวเลยมีการปูทางและเหตุผลเพื่อหาที่มาที่ไปในแรงจูงใจของทุกคนที่ตัดสินใจปล้นในครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี และช่วงนี้ของหนังก็ทำให้คนดูอย่างเราได้ลุ้นได้ตื่นเต้นพอสมควรเลยกับการปล้นในครั้งนี้ แต่ตัวหนังก็ไม่ได้มีแค่การปล้นเพียงอย่างเดียวเพราะหลังจากที่พวกเขาเข้าปล้นเสร็จ พวกเขาก็ได้เงินมาจำนวนนึงซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นเงินจำนวนมากเมื่อเทียบกับความรวยของบ่อน แต่พวกเขาดันไปหยิบของที่ไม่ควรหยิบมาติดมือมาด้วย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุให้ฮัน (รับบทโดย Hae-soo Park) ชายผู้กระหายการล่า เริ่มออกตามล่าพวกเขาทั้งสี่ แต่ก่อนที่ฮันจะออกตามล่า พวกจุนซอกก็ได้แยกทางกับซางซูไปก่อนเพื่อที่จะออกเดินทางไปที่เกาะที่จุนซอกวาดฝันไว้ซางซูก็เลยตกเป็นเหยื่อการไล่ล่ารายแรกของฮัน ช่วงนี้ของหนังจะให้อารมณ์ตื่นเต้นและเร้าใจกว่าในช่วงที่ปล้นเยอะมาก ระหว่างที่ดูหนังเรื่องนี้ผมต้องบอกเลยเป็นหนังที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยเลยเพราะทั้งสามคนที่หนีการไล่ล่าดูจากลักษณะของพวกเขาแล้วก็เป็นแค่โจรกระจอกที่แสนขี้ขลาดแต่ต้องมาโดนล่าจากคนที่เป็นมืออาชีพและรักในการล่าแถมรู้สึกสนุกเพลิดเพลินไปกับการล่า คือต้องบอกเลยว่าตัวละครแบบนี้มันช่างเป็นตัวละครที่น่ากลัวเพราะเราไม่รู้เลยว่าเขาทำอะไรได้บ้างและเขาจะโหดขนาดไหน การหนีตายของทั้งสามบอกตรงๆ ผมลุ้นตามมากและตื่นเต้นในหลายๆ ฉากเลย และนอกจากนั้นตัวหนังก็ให้อารมณ์มาคล้ายๆ หนังสยองขวัญที่ทำให้หนังหม่นและเงียบเพื่อให้เรากลั้นหายใจตามตอนที่พวกพระเอกต้องหนีและซ่อนตัวฉากฮันแล้วก็ใส่ฉากตกใจจนทำเอาผมสะดุ้งเลย และเราจะได้เห็นฉากแนวๆ นี้มาเรื่อยๆ ในหลายฉากของหนัง โดยรวมของหนังผมมองว่าสนุกใช้ได้เลยและดูได้อย่างเพลิดเพลิน แต่อาจมีบางช่วงที่หนังดึงช้าเพื่อที่จะให้เราได้พักความตื่นเต้นและอินไปกับประเด็นเรื่องมิตรภาพและโยงไปประเด็นใหม่ๆ เพื่อที่จะสร้างจุดเซอร์ไพรส์ให้กับเนื้อเรื่อง และอีกอย่างที่จะลืมไม่ได้เลยผมมองว่าหนังเรื่องนี้แอบให้อารมณ์เหมือนหนังฮ่องกงในยุคเก่าอยู่เหมือนกันมีเสน่ห์จริงๆ นี่ก็เป็นความรู้สึกหลังจากที่ผมดูหนังเรื่องนี้จบและอยากมาแนะนำให้เพื่อนๆ ผู้อ่านได้ไปรับชมหนังเรื่องนี้ ก็ต้องลองนะครับเป็นหนังที่ไม่ควรพลาดเลยก็ว่าได้ และสามารถรับชมหนังเรื่องนี้ในเน็ตฟลิกซ์ผ่านกล่อง True ID ได้ด้วย ช่างสะดวกสมใจคอหนังจริงๆ อย่าพลาดชมกันนะครับภาพประกอบทั้งหมดมาจาก Official Trailer ทาง Netflixภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4 / ภาพประกอบที่ 5ภาพปกความ
Neung Thesakura • 5 พ.ค. 63
ดูเพิ่มเติม